SHORT CUT
AI VS งานศิลปะ ฮายาโอะ มิยาซากิ และ เจ้าของ OpenAI คิดเห็นอย่างไรกับประเด็นนี้ เราจะยังเรียกมันว่างานศิลปะได้อีกหรือไม่
บทบาทของ AI ในโลกศิลปะรอบนี้ได้ปลุกกระแสถกเถียงครั้งใหญ่ ไม่ใช่เพียงในแวดวงศิลปินเท่านั้น แต่ลุกลามไปสู่สังคมโดยรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ AI เริ่มสร้างภาพที่เลียนแบบ Studio Ghibli สไตล์ของศิลปินระดับตำนานอย่างสตูดิโอจิบลิของ ฮายาโอะ มิยาซากิ
ทั้งนี้ Studio Ghibli ไม่ใช่แค่ชื่อของสตูดิโอแอนิเมชันเท่านั้น แต่เป็นสัญลักษณ์ของงานศิลป์ที่อัดแน่นด้วยจิตวิญญาณ ความงาม และอารมณ์ที่จับต้องได้ การที่ AI เข้ามาสร้างงานศิลปะในลักษณะเลียนแบบ จึงเป็นคำถามใหญ่ต่อแก่นแท้ของ “ศิลปะ” ว่า หากปราศจากหัวใจมนุษย์ที่วาดด้วยมือและลงแรงด้วยตัวเอง เราจะยังเรียกมันว่างานศิลปะได้อีกหรือไม่ ?
แม้ในเชิงกฎหมาย สไตล์งานศิลป์อาจไม่ถูกนับว่าเป็นทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเป็นทางการ แต่ในทางจิตใจและวัฒนธรรมแล้ว ศิลปินและแฟนผลงานต่างรู้สึกว่าการที่ AI นำผลงานต้นแบบมาเรียนรู้และสร้างสรรค์ภาพในสไตล์เดียวกันโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นการ “ขโมยตัวตน” ที่ยากจะให้อภัย
ภาพวาดที่สร้างโดย AI อาจไม่ได้คัดลอกจากผลงานใดผลงานหนึ่งโดยตรง แต่เบื้องหลังของมันคือคลังข้อมูลขนาดมหาศาลที่อุดมไปด้วยผลงานของศิลปินตัวจริง ซึ่งถูกนำมาใช้ในการฝึกฝนโมเดลอย่างลับ ๆ โดยปราศจากการขออนุญาตหรือมอบเครดิตให้เจ้าของงาน การกระทำเช่นนี้จึงสร้างความรู้สึกเหมือนศิลปินกำลังถูกละเมิด ไม่เพียงแต่ในเชิงกฎหมาย แต่ในเชิงศักดิ์ศรีด้วย
ฮายาโอะ มิยาซากิ ผู้เป็นเสาหลักของสตูดิโอจิบลิ ได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนมายาวนานว่าเขาไม่เห็นด้วยกับการนำ AI มาใช้ในงานศิลปะ ในปี 2016 เขาเคยกล่าวว่าการสร้างสรรค์ผ่านปัญญาประดิษฐ์นั้นคือ “การดูถูกชีวิต” เพราะมันขาดซึ่งความเข้าใจในความเจ็บปวด ความงดงาม หรือความเปราะบางที่เป็นแก่นของการมีชีวิต
สำหรับเขา ศิลปะไม่ใช่เพียงเส้นสีหรือเทคนิค หากแต่เป็นผลลัพธ์ของประสบการณ์ ความรู้สึก และสัญชาตญาณของมนุษย์ ซึ่งไม่อาจจำลองได้โดยเครื่องจักร มิยาซากิจึงเลือกที่จะปฏิเสธเทคโนโลยีอย่างเด็ดขาดในงานของจิบลิ เพื่อปกป้องแก่นแท้ของศิลปะที่เขายึดถือ
อีกฟากหนึ่งของเวทีคือกลุ่มผู้พัฒนา AI ที่มองว่านี่คือก้าวสำคัญของความก้าวหน้า ไม่ใช่ภัยคุกคาม ผู้บริหารอย่าง ‘แซม อัลท์แมน’ ซีอีโอของ OpenAI ชี้ให้เห็นว่าเทคโนโลยีนี้สามารถเปิดประตูแห่งความคิดสร้างสรรค์ให้กับผู้คนจำนวนมากที่อาจไม่มีทักษะด้านศิลปะ
เขาเปรียบเทียบว่า “เช่นเดียวกับเมื่อกล้องถ่ายภาพถือกำเนิดขึ้นแล้วมีผู้กลัวว่ามันจะมาแทนที่จิตรกร แต่ท้ายที่สุดมันก็กลายเป็นแขนงศิลปะแขนงหนึ่ง AI ก็อาจเป็นเครื่องมือที่ช่วยส่งเสริมความสร้างสรรค์ของมนุษย์ หากถูกใช้อย่างรับผิดชอบและมีจริยธรรม”
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เทคโนโลยี AI กำลังก้าวหน้าและมีบทบาทมากขึ้นในวงการศิลปะ คำถามที่เกิดขึ้นคือ: การใช้ AI ในการสร้างสรรค์งานศิลปะเป็นการส่งเสริมหรือทำลายจิตวิญญาณของงานศิลปะดั้งเดิมกันแน่ ?
ที่มา : outlookbusiness
ข่าวที่เกี่ยวข้อง