SHORT CUT
"อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ" ชี้ตลาดอีเวนต์ไทยฟื้นตัว แต่วอนรัฐ วอนรัฐเร่งสกัด “อีเวนต์จีนศูนย์เหรียญ” รูปแบบคล้ายทัวร์ ที่ขนคนมาทำงานครบวงจร โกยเงินกลับประเทศ
หากจะพูดว่าเมืองไทยเป็นเมืองแห่งอีเวนต์ก็คงจะไม่ผิด เพราะไทยมีสถานที่ มีทั้งบุคลากรต่างๆ เพียบพร้อมมากที่จะจัดงานอีเวนต์ใหญ่ระดับโลก และอีกหนึ่งจุดแข็งคือเมืองไทยเป็นเมืองที่อิสระทำให้สามารถจัดอีเวนต์ได้ง่าย ไม่มีกฎเกณฑ์อะไรมากมาย ที่สำคัญสามารถท่องเที่ยวเชื่อมโยงไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆได้ทั่วทั้งประเทศ จึงไม่แปลกที่ประเทศจะเป็นจุดหมายปลายทางของการจัดอีเวนต์ระดับโลก
ที่ผ่านมาไทยเผชิญกับโควิด-19 อาจทำให้ธุรกิจอีเวนต์ และคอนเสิร์ต หยุดชะงักไปบ้าง แต่..2568 มีการประเมินว่าธุรกิจดังกล่าวจะฟื้นตัวกลับมา 100% แต่กลับมาเจอเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่อาจทำให้หยุดชะงักช่วงคราว ทั้งนี้มีการประเมินภาพรวมปี 2568 ธุรกิจอีเวนต์มีมูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะคอนเสิร์ต จะมีมูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท
#SPRiNG มีโอกาสพูดคุย อัปเดตธุรกิจ ธุรกิจอีเวนต์ และคอนเสิร์ต กับ นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดอีเวนต์เริ่มกลับมาคึกคัก แต่อาจชะลอระยะสั้นหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว แต่สิ่งที่รัฐ และเอกชนต้องร่วมมือกัน คือ ต่างชาติที่มาจัดงานในไทยมีการขนทั้งคน และอุปกรณ์มาจากประเทศของเขา ลักษณะรูปแบบคล้ายทัวร์ศูนย์เหรียญ แล้วขนเงินกลับประเทศของเขา จึงทำให้ไทยอาจเสียรายได้ในสิ่งนี้
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมามีการพยายามกันแรงงาน และอุปกรณ์จากต่างชาติเข้ามาจัดงานในไทย เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยสามารถสร้างรายได้จากอีเวนท์นานาชาติที่มาจัดในไทยได้ เพราะที่ผ่านมา 1-2 ปีนี้ ที่จีนเข้ามาหนัก ๆ เขาขนคนกับของเข้ามาเลย กลายเป็นว่าคนไทยไม่ได้อะไรเลย นอกจากค่าเช่าที่ ดังนั้นจึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน อย่างอินเด็กซ์ฯ เอง ที่ไปจัดงานที่ต่างประเทศเอง เขาบังคับเลยว่าต้องใช้ทีมท้องถิ่น 100% โดยภาครัฐเขาบังคับตั้งแต่ใบอนุญาตการเข้าประเทศเลย ซึ่งไทยเอง ถึงเวลาที่ต้องบังคับใช้บ้างแล้ว และปกป้องผลประโยชน์ของคนไทย แต่ก็ต้องมีช่องว่างให้ผู้จัดไทยได้เรียนรู้จากต่างประเทศได้ เช่น อนุญาตให้ระดับ Supervisor เข้ามาเท่านั้น เป็นต้น
“ที่ผ่านมามีงานในไทยที่จัดโดยผู้จัดจีน เชิญไปเป็นวิทยากร กลับพบว่าทีมงานเป็นคนจีนหมดเลย ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่น่าแปลกใจเป็นอย่างมากว่า ทำไมถึงอนุญาตให้แรงงานจีนเข้ามาทำอีเวนท์แบบนี้ได้ทั้งงาน โดยไม่มีการควบคุมได้อย่างไร”
สำหรับเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศเมียนมา และส่งผลกระทบแรงสั่นสะเทือนถึงเมืองไทย ทำให้ธุรกิจอีเวนต์มีการเลื่อนจัดงานออกไป และจะกระเทือนภาคท่องเที่ยว ที่ประเมินว่านักเดินทางในภูมิภาค ที่บินระยะสั้นอาจชะลอมาเมืองไทย โดยผลกระทบจะเกิดระยะสั้นราว 2 สัปดาห์ และอาจกระทบเงินสะพัดสงกรานต์ลดลงแน่ๆ เพราะทุกคนอยู่ในช่วงตกใจ หากไม่มีอะไรตื่นเต้นเชื่อว่าสัปดาห์นี้สถานการณ์จะกลับมาปกติ อีกด้านรัฐบาลมีเวลา 2 สัปดาห์ในการสร้างความเชื่อมั่น กระตุ้นภาคท่องเที่ยว นักท่องเที่ยว ประชาสัมพันธ์ว่าไทยกลับมาเหมือนเดิม ใช้อีเวนต์เป็นเครื่องมือและเปลี่ยนการหลังเกิดเหตุการณ์ว่าไทยจะสนุกมากกว่าที่เคย
ในส่วนของอินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ มีงานอีเวนต์ด้านการตลาดเลื่อนจัดเพียง 1 งาน ส่วนงานแฟนมีทมีจัดงานได้ 1 รอบ และมีบางรอบที่เลื่อนออกไป แต่ภาพรวมไม่กระทบมากนัก ขณะที่งานอีเวนต์ในประเทศเมียนมา ที่จัดร่วมกับสถานทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้ง ได้ยกเลิกการจัดงาน ซึ่งเดิมงานดังกล่าวจะมีคนเข้าร่วมเกือบพันราย
สำหรับอินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ เผยผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2025 มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยอัตราการเติบโตสูงขึ้นกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2024 ในไตรมาสเดียวกัน พร้อมแผนขยายตลาดครั้งใหญ่ มุ่งสร้างปรากฏการณ์พาไทยไประดับโลก ด้วยการจับกระแสเทรนด์ธุรกิจมาแรงของประเทศไทยในปีนี้ พร้อมลุยอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งขาเข้าและขาออก ธุรกิจคอนเสิร์ต และตลาดเทรดแฟร์กว่า 5 ประเทศ มุ่งสู่รายได้ 1,500 ล้านภายในปี 2025
อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทยังมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในตลาดที่หลากหลาย ซึ่งตลาดท่องเที่ยวปีนี้น่าสนใจมาก ๆ เราเดินตาม เทรนด์ของประเทศไทยที่โฟกัสไปในตลาดนี้ที่เชื่อมโยงทั้งการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมไมซ์ อินเด็กซ์ฯ เอง เราเป็นผู้นำด้านการจัดอีเวนต์อยู่แล้ว ทั้งในและต่างประเทศ ปีนี้เราก็เลยขยายไปในมุมการทำงานให้กับหลาย ๆ จังหวัด เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย อีกทั้งกลยุทธ์ Inbound กับ Outbound เชื่อมต่อประตูสู่การท่องเที่ยวทั้งส่งออกความเป็นไทยไปต่างประเทศในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าและบริการ อีกทั้งความเป็นไทยเชิงนามธรรมอย่างวัฒนธรรม ประเพณี โดยการสนับสนุนการท่องเที่ยวขาเข้าอย่างเต็มกำลัง
ในส่วนของ Trade Fair หลังประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นกับการบุกตลาดตะวันออกกลาง ด้วยการสร้างโอกาสทางการค้าให้กับผู้ประกอบการไทยไปจัดแสดงสินค้าและบริการ ณ กรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย พบว่าสินค้าไทยเป็นที่นิยมในหมู่ชาวซาอุฯ มาก อาทิ เครื่องหอม ไม้กฤษณา และรองเท้ายางพาราสุขภาพจากจังหวัดสงขลา ที่ทำยอดขายได้กว่า 50 ตู้คอนเทนเนอร์ ตู้ละ 20,000 คู่ รวมรายได้กว่า 150 ล้านบาท
หลังจากเจาะตลาดซาอุฯ 3 ปีซ้อน ปีนี้อินเด็กซ์ฯ ก็ไม่พลาดที่จะปักหมุดความสำเร็จไปกับ Trade Fair ครั้งนี้จัดยิ่งใหญ่ถึง 8 งาน 5 ประเทศ ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย เกาหลี กัมพูชา เมียนมาร์ และเวียดนาม
1.Thailand International Mega Fair 2025 (3rd edition)
2.K-Beauty Expo 2025
3.Cambodia Foodplus Expo 2025 (4th edition)
4.Cambodia Health & Beauty Expo (5th edition)
5.Myanmar Foodbev 2025 (7th edition)
6.Myanmar Retail Sourcing Expo 2025 (5th edition)
7.K-MED Expo Vietnam 2025
8.Saigon Beauty Show 2025 (6th edition)
อย่างไรก็ตามอินเด็กซ์ฯ เล็งเห็นศักยภาพของธุรกิจอีเวนต์ที่สามารถกระโดดไปได้ไกลกว่าที่เป็น จากการที่ตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์สุดหรู Luxury Brand หันมาเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางในการจัดงานอีเวนต์ ระดับโลกมากมาย อาทิ Cartier, Bvlgari, MIDO, Astan Martin เป็นต้น ล่าสุด อินเด็กซ์ฯ เดินหน้าเข้าสู่ตลาด Healthcare และ Cosmetic Brand หลาย ๆ เจ้าเป็นที่เรียบร้อย พร้อมตั้งเป้าสร้างสรรค์งานอีเวนต์ทุกรูปแบบในทุกวงการ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
"โอ๊ต - ป๊อป" แท็กทีมเตรียมขึ้นคอนเสริต์สุด Exclusive ในกิจกรรม LePan on the beach[คลิป]
“ช่อง8สัญจร” เปิดไลน์อัพ 3 อีเวนต์มิวสิกใหญ่ ปี 2025 รวมศิลปินดัง
ไฮไลต์ MONEY EXPO 2024 ที่สุดของอีเวนต์การเงินการลงทุน 16-19 พ.ค. 2567