เปิดสาเหตุอาการป่วยของ "เอส กันตพงศ์" หลังวูบหมดสติ ขณะร่วมงานอีเวนต์เมื่อวันที่ 9 พ.ค.66 เบื้องต้นยังไม่มีข่าวดี อาการยังอยู่ในช่วงวิกฤต ต้องดูวันต่อวัน
คนบันเทิงและแฟนคลับร่วมส่งกำลังใจอย่างต่อเนื่อง หลังจากพระเอกหนุ่ม "เอส กันตพงศ์" วูบหมดสติ ขณะร่วมงานอีเวนต์ "เลือกตั้ง 2566" #วาระคนไทย BIG DEBATE ครั้งที่ 10 เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งตอนนี้หนุ่มเอสยังคงอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ต้องรอดูอาการแบบวันต่อวัน โดยมีภรรยาและลูกสาวคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง
ล่าสุด "คิตตี้ คริสติน่า วิงเคลอร์" ภรรยาของ เอส กันตพงศ์ ได้ออกมาเคลื่อนไหวผ่านทางอินสตาแกรม thekittyway เพื่อเล่าถึงสาเหตุและอาการป่วยของสามี โดยบอกที่ผ่านมาไม่ได้เปิดเผยอาการป่วย เพราะครอบครัวยังทำใจไม่ได้ แต่ตอนนี้พร้อมที่จะพูดแล้ว โดยภรรยา "เอส กันตพงศ์" เล่าว่า
"สวัสดีค่ะ วันนี้ฉันอยากจะมาอัปเดตอาการของคุณเอสที่ผ่านมา ฉันและทางครอบครัวยังไม่ได้ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับอาการป่วยของคุณเอส เนื่องจากทางครอบครัวยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะว่าในตอนนี้อาการของเอส ยังอยู่ในวิกฤต"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
"พวกเราเสียใจและหนักใจมาก ส่วนวาเลนตินาก็ร้องไห้เรียกหาพ่อตลอดเวลา แต่ฉันก็พยายามที่จะเข้มแข็งเพื่อลูก แต่ตอนนี้ฉันคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่ฉันกับครอบครัว จะต้องออกมาบอกรายละเอียดทั้งหมดของคุณเอส ฉันรู้ว่าทุกคนกำลังรอฟังข่าวดีอยู่ แต่ในตอนนี้ยังไม่มีข่าวดี เพราะอาการป่วยยังอยู่ในวิกฤต แต่ฉันพร้อมที่จะเปิดใจและพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนี้มากขึ้น"
"อย่างที่ทุกคนทราบก่อนเกิดเหตุ สามีของฉันได้ไปทำงานเป็นพิธีกร งาน Big Debate by Ch7 ที่ลานสยามพารากอน ขณะที่เขากำลังทำงาน หัวใจของเขาได้หยุดเต้นกะทันหันและได้รับการทำ CPR ฉุกเฉินและนำตัวส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด และปั๊มหัวใจเพื่อช่วยชีวิต ซึ่งใช้เวลานานมาก กว่าที่หัวใจของเขาจะกลับมาเต้นอีกครั้ง ได้รับ CPR ประมาณ 19 นาทีที่สยาม และทั้งหมดใช้เวลาถึง 45 นาทีที่ปั๊มหัวใจรวมบนรถฉุกเฉิน"
"ตั้งแต่ที่เขาได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล อาการของเขาก็ยังอยู่ในวิกฤต และมีอาการแทรกซ้อนที่หัวใจ วันก่อนหัวใจของคุณเอสก็มีปัญหาอีกครั้ง และแพทย์ก็ได้ทำการช่วยชีวิตไว้อีกครั้ง ซึ่งในเบื้องต้นทางแพทย์ที่รักษาคุณเอสได้ออกมายืนยันแล้วว่า 'เขามีอาการหัวใจอักเสบ" แต่ยังไม่สามารถระบุอะไรได้มากกว่านี้"
"เนื่องจากอยู่ในกระบวนการและขั้นตอนของการรักษา แพทย์ได้แจ้งว่าต้องเฝ้าดูอาการของคุณเอสแบบ 'วันต่อวัน' ซึ่งแพทย์ยังหาสาเหตุที่ชัดเจนและหาแนวทางรักษายังไม่ได้ และยังไม่รู้ว่าจะต้องรักษาตัวที่ห้อง ICU นานแค่ไหน และจะฟื้นตัวเต็มที่ได้เมื่อไหร่"
"ตอนนี้ฉันอยากจะขอขอบคุณสำหรับน้ำใจทั้งหมดที่เราได้รับ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฉันอยากขอบคุณทุกคนที่ช่วยสามีของฉัน โดยเฉพาะช่อง 7 ที่ช่วยเหลือและดูแลคุณเอส ทั้งเรื่องค่ารักษาและให้กำลังใจมาเรื่อยๆ เหมือนเป็นครอบครัวของตัวเอง เพราะเอสทำงานหนักและทุ่มเทอย่างเต็มที่เสมอเพื่อช่อง 7 มาตลอด เอสรักงานตัวเองมากๆ"
"และสุดท้ายขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่รักษาคุณเอสอย่างเต็มที่ และแฟนคลับกับเพื่อนๆ ทุกคน ที่ส่งกำลังใจมาให้ค่ะ ยังไงเราจะอยู่ข้างเอสตลอดและสู้ด้วยกัน"