svasdssvasds

เปิดสถิติ "เด็กจมน้ำ" ช่วงปิดเทอม ปี 67 ยอดเสียชีวิตพุ่ง 173 ราย

เปิดสถิติ "เด็กจมน้ำ" ช่วงปิดเทอม ปี 67 ยอดเสียชีวิตพุ่ง 173 ราย

สธ.ห่วง "เด็กจมน้ำ" ช่วงปิดเทอมฤดูร้อน เผยปี 67 อายุต่ำกว่า 15 ปีจมน้ำเสียชีวิตถึง 173 รายเฉลี่ยวันละ 2 ราย สูงสุดเดือนมีนาคมเหตุลงเล่นน้ำ

SHORT CUT

  • สถานการณ์เด็กจมน้ำมักเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน (มี.ค. - พ.ค.)
  • ปี 2567 พบเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี จมน้ำเสียชีวิตถึง 173 ราย เฉลี่ยวันละเกือบ 2 ราย มากสุดในเดือนมีนาคม
  • เด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้ปกครองควรจับตาใกล้ชิด ให้เด็กอยู่ในระยะที่มองเห็น คว้าตัวถึง ไม่ปล่อยให้อยู่ตามลำพัง

สธ.ห่วง "เด็กจมน้ำ" ช่วงปิดเทอมฤดูร้อน เผยปี 67 อายุต่ำกว่า 15 ปีจมน้ำเสียชีวิตถึง 173 รายเฉลี่ยวันละ 2 ราย สูงสุดเดือนมีนาคมเหตุลงเล่นน้ำ

วันนี้ 14 มี.ค. 2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า สถานการณ์เด็กจมน้ำมักเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน (มี.ค. - พ.ค.) กระทรวงสาธารณสุข จึงบูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง

สถิติปี 67 เด็กจมน้ำเสียชีวิตพุ่ง 173 ราย เฉลี่ย 2 ราย/วัน

ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ปี 2567 พบเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี จมน้ำเสียชีวิตถึง 173 ราย เฉลี่ยวันละเกือบ 2 ราย มากสุดในเดือนมีนาคม รองลงมา คือ เมษายน และพฤษภาคม ส่วนใหญ่อายุ 10 - 14 ปี รองลงมา อายุ 5 - 9 ปี และอายุ 0 - 4 ปี เพศชายจมน้ำสูงกว่าเพศหญิงถึง 2.8 เท่าตัว

พบเสียชีวิตมากสุดที่ นครราชสีมา รองลงมา คือ ปัตตานี ศรีสะเกษและอุดรธานี โดยกว่า 72% เป็นแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรและแหล่งน้ำตามธรรมชาติ (บ่อขุด/ สระน้ำ/ คลอง/ แม่น้ำ) สาเหตุเกิดจากการไปเล่นน้ำมากที่สุด 72.3% 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญ คือ เด็กขาดการดูแลและขาดความรู้เรื่องแหล่งน้ำเสี่ยง ซึ่งพบว่าขณะเกิดเหตุมากกว่าครึ่งอยู่กับเพื่อนและเกือบทั้งหมดไม่สวมเสื้อชูชีพ โดยภายหลังจมน้ำเด็กจะเสียชีวิต ถึงร้อยละ 65.1 

ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงฤดูร้อน เด็กอยู่ในระหว่างปิดเทอม อาจมีการชักชวนกันไปเล่นน้ำตามที่ต่างๆ จึงมีความเสี่ยงที่จะจมน้ำเสียชีวิตได้ ขอให้ผู้ปกครอง ดูแลลูกหลานอย่างใกล้ชิด คอยย้ำเตือนให้เด็กรู้จักระวังอันตรายจากการจมน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความสูญเสีย

ด้าน นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า เด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้ปกครองควรจับตาใกล้ชิด ให้เด็กอยู่ในระยะที่มองเห็น คว้าตัวถึง ไม่ปล่อยให้อยู่ตามลำพังหรืออยู่กับพี่ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ

ส่วนเด็กโตควรสอนให้รู้กฎความปลอดภัยทางน้ำ เช่น ไม่เล่นใกล้แหล่งน้ำ ไม่เล่นน้ำคนเดียว ไม่เล่นน้ำกันเองโดยไม่มีผู้ใหญ่ไปด้วย ไม่แกล้งจมน้ำ รู้จักประเมินแหล่งน้ำเสี่ยง ใส่เสื้อชูชีพทุกครั้งตลอดเวลาที่ทำกิจกรรมทางน้ำหรือนั่งเรือและหากพบเห็นคนตกน้ำ ไม่ควรลงไปช่วยเพราะอาจจมน้ำพร้อมกันได้

"ตะโกน โยน ยื่น" 3 หลักการในการเอาตัวรอดจากการจมน้ำ

  • ตะโกน : เรียกขอความช่วยเหลือ
  • โยน : โยนอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้ตัวเพื่อให้คนตกน้ำเกาะพยุงตัว
  • ยื่น : ยื่นอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้ตัว เช่น ไม้ เชือก เสื้อ ผ้าขาวม้า ให้คนตกน้ำจับและดึงขึ้นมาจากน้ำ

เฝ้าระวังแหล่งน้ำสุ่มเสี่ยงในชุมชน

นอกจากนี้ชุมชนควรมีการเฝ้าระวังแหล่งน้ำเสี่ยงในชุมชน ไม่ปล่อยให้เด็กลงไปเล่นน้ำ และมีการจัดการแหล่งน้ำเสี่ยงให้เกิดความปลอดภัย

แหล่งท่องเที่ยวทางน้ำ ควรมีอุปกรณ์ช่วยคนตกน้ำ

สำหรับแหล่งท่องเที่ยวทางน้ำ ควรติดป้ายคำเตือน จัดให้มีอุปกรณ์ช่วยคนตกน้ำบริเวณแหล่งน้ำ มีเสื้อชูชีพให้บริการและให้ใส่ทุกครั้งที่ทำกิจกรรมทางน้ำ กำหนดบริเวณสำหรับเล่นน้ำแยกออกจากบริเวณสัญจรทางน้ำ มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทางน้ำ(lifeguard) คอยดูแล รวมถึงประชาสัมพันธ์ย้ำเตือนให้มีการดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

related