SHORT CUT
"ฟุตบอลเกาหลีใต้: จากความมืดมนสู่มหาอำนาจลูกหนังเอเชีย กับการเดินทางกว่า 100 ปี ไปบอลโลกมากที่สุดในเอเซีย
ฟุตบอลเกาหลีใต้เคยเป็นเพียงกีฬาสมัครเล่นที่ไม่ได้รับการสนับสนุนมากนัก แต่ปัจจุบันกลายเป็น ทีมที่เข้าร่วมฟุตบอลโลกมากที่สุดในเอเชีย และเป็นมหาอำนาจลูกหนังของทวีป !
การพัฒนานี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นผลจากการวางแผนอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การพัฒนาลีกอาชีพ ระบบเยาวชน ไปจนถึงการส่งออกนักเตะไปยุโรป มาดูกันว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ เกาหลีใต้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง?
แม้กีฬาฟุตบอลจะเริ่มเข้าสู่เกาหลีในปี 1882 โดยทหารเรือจากอังกฤษที่เดินทางมาเยือน แต่วงการกีฬาเกาหลีมืดมนมาตลอด เพราะกลายเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่นในปี 1905 ก่อนถูก ผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของญี่ปุ่นโดยสมบูรณ์ในปี 1910 ส่งผลให้ชาวเกาหลีถูกกดขี่สารพัดไม่เว้นแม้แต่กีฬา ญี่ปุ่นสั่งไม่ให้เกาหลีตั้งสมาคมกีฬา เพราะกลัวว่าจะเป็นการแสดงพลังของคนในชาติเกาหลี ยิ่งไปกว่านั้นคนเกาหลีที่มีร่างกายแข็งแรงก็ถูกเกณฑ์ไปใช้แรงงานหมด ทำชาวเกาหลีไม่มีโอกาสปั้นนักกีฬาได้อย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม ในปี 1921 มีการจัดการแข่งขันฟุตบอลรายการแรกในเกาหลีชื่อ All Joseon Football Tournament และในปี 1928 มีการก่อตั้ง สมาคมฟุตบอลโชซอน (Joseon Football Association) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการเผยแพร่และพัฒนาฟุตบอลในประเทศ แต่ความเป็นทีมชาติยังไม่มี เพราะนักบอลเกาหลีและนักกีฬาประเภทอื่นๆ เวลาไปแข่งระดับโลก ต้องแข่งในนามทีมชาติญี่ปุ่นที่เป็นเจ้าอาณานิคม
เรียกได้ว่าวงการฟุตบอลเกาหลีดูไม่มีอนาคตเลยด้วยซ้ำ แต่ความหวังเริ่มปรากฏเมื่อญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ปี 1945 เกาหลีเริ่มจัดตั้งรัฐบาลของตัวเอง แต่ก็เผชิญความขัดแย้งจนแบ่งเป็นฝ่ายเหนือฝ่ายใต้
สำหรับเกาหลีใต้ ก่อตั้งสมาคมฟุตบอลของตัวเองในปี 1948 แต่ประสบปัญหาบริหารงานไม่มีประสิทธิภาพ แต่ในที่สุดก็ถีบตัวเองจนปี 1954 เกาหลีใต้เข้าร่วมการแข่งขันรอบคัดเลือก ฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรก และสามารถผ่านเข้ารอบสุดท้ายของฟุตบอลโลก 1954 ที่สวิตเซอร์แลนด์ได้สำเร็จ ด้วยการเอาชนะ ญี่ปุ่น ด้วยผลรวม 7-3 แต่เมื่อเข้าไปในบอลโลกเกาหลีใต้พ่ายแพ้ทุกชาติที่แข่งด้วย กลับกันฟุตบอลเกาหลีเหนือกลับสร้างชื่อเสียงกระฉ่อนโลก และไปชนะทีมชาติอิตาลีในฟุตบอลโลก 1966 ส่งผลให้เกาหลีใต้ต้องเร่งรีบถีบตัวเองไปข้างหน้า
หนึ่งในการเปลี่ยนแปลง คือการแต่งตั้ง ‘จาง ด็อก-จิน’ (Jang Deok-jin} ผู้นำสมาคมฟุตบอลเกาหลีตั้งแต่ปี 1970 -1973 เขามีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาฟุตบอลในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดตั้งลีกฟุตบอลสำหรับสถาบันการเงิน และจัดแข่งบอลในสถาบันการศึกษาเพื่อให้เยาวชนคุ่นเคยกับฟุตบอล
ด้วยความพยายามและการบริหารงานของเขา วงการฟุตบอลเกาหลีใต้ได้รับการพัฒนาและความนิยมที่เพิ่มขึ้นในช่วงเวลานั้น
ในปี 1985 เกาหลีใต้สามารถคว้าแชมป์การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชียตะวันออก ด้วยชัยชนะ สองนัดเหนือญี่ปุ่น ในรอบสุดท้าย ส่งผลให้พวกเขาได้กลับไปแข่งขันฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1954 แม้จะพ่ายแพ้เช่นเดิม แต่ยุคนั้น ‘ชา บอม-กึน’ (Cha Bum-kun) หนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดของบุนเดสลีกาก็เข้าร่วมทีมชาติด้วย และเกาหลีใต้สามารถคว้าเหรียญทองในเอเชียนเกมส์ 1956 ได้สำเร็จ ทำให้ยุคนั้นถูกขนานนามว่าเป็น ยุคทองของฟุตบอลเกาหลีใต้อย่างแท้จริง
จุดเปลี่ยนที่แท้จริงคือปี 2002 เมื่อ ‘ชอง มง-จุน’ (Chung Mong-joon) รองประธาน FIFA และ ประธานสมาคมฟุตบอลเกาหลีใต้ ขณะนั้นผลักดันให้ เกาหลีใต้ได้รับสิทธิ์เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2002 เขาสนับสนุน การปฏิรูปและพัฒนาฟุตบอลเกาหลีใต้ โดยดึงโค้ชชาวต่างชาติอย่าง กุส ฮิดดิงค์ (Guus Hiddink) เข้ามาคุมทีม และผลงานก็ไม่ได้แย่ เพราะเกาหลีใต้สร้างปาฏิหาริย์ด้วยการเข้าสู่รอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเอเชีย
แม้จะมีดราม่ามากมาย แต่ช่วงนั้นโครงสร้างพื้นฐานของวงการฟุตบอลเกาหลีใต้นับว่า “พัฒนาอย่างก้าวกระโดด”
หลังจากฟุตบอลโลก 2002 เกาหลีใต้ไม่ได้หยุดพัฒนา K-League แข็งแกร่งขึ้น และมีการส่งออกนักเตะไปยุโรปมากขึ้น เช่น พัค จีซอง (Park Ji-Sung) ที่ไปเล่นให้กับ Manchester United และสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเตะรุ่นใหม่ ในยุคหลัง ซน ฮึงมิน (Son Heung-min) ก้าวขึ้นมาเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลกในพรีเมียร์ลีกกับ Tottenham Hotspur
นับตั้งแต่วันที่มีรายการแจ่งขันฟุตบอลของตัวเองครั้งแรกในปี 1921 เกาหลีใต้ใช้เวลา 33 ปีเดินทางสูบอลโลกสำเร็จในปี 1954 ปัจจุบันเกาหลีใต้เป็นชาติที่เข้าร่วมฟุตบอลโลกมากที่สุดในเอเชีย โดยเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลก 11 ครั้ง!
ที่มา :ko.wikipedia
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
.