SHORT CUT
เกาหลีใต้จูงใจให้คนมีลูก ให้ลาคลอดได้ 1 ปี ส่วนไทยไร้ทิศทางล่าสุดเกิดต่ำกว่า 5 แสน สะท้อนชัดอนาคตเกิดสภาวะขาดแคลนแรงงาน
ประเทศไทยกำลังเผชิญกับภาวะวิกฤตด้านประชากรอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยในปี พ.ศ. 2567 มีจำนวนเด็กเกิดใหม่เพียง 461,421 คน ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 70 ปีที่จำนวนเด็กเกิดต่ำกว่า 500,000 คนต่อปี สถานการณ์นี้สวนทางกับนโยบายของรัฐที่ต้องการให้มี "ลูกเพื่อชาติ" และส่งผลกระทบต่อโครงสร้างประชากรและเศรษฐกิจของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ การลดลงของจำนวนเด็กเกิดใหม่นี้เป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงปัญหาเชิงซ้อนที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน
จำนวนเด็กเกิดใหม่ในปี 2567 ลดลงต่ำกว่า 500,000 คน ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 70 ปี แนวโน้มการลดลงของเด็กเกิดใหม่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับนโยบายส่งเสริมการมีบุตรของรัฐ สถิติการเกิดของประเทศไทยตั้งแต่ปี 2506-2526 เคยมีเด็กเกิดเกิน 1 ล้านคนต่อปี โดยปี 2514 มีเด็กเกิดสูงสุดถึง 1,221,228 คน
นับตั้งแต่ปี 2527 เป็นต้นมา จำนวนเด็กเกิดลดลงอย่างต่อเนื่อง จนต่ำกว่า 600,000 คนในปี 2562 และต่ำกว่า 500,000 คนในปี 2567 อัตราการเกิดลดลงอย่างมาก จาก 780,000 คนในปี 2556 เหลือ 500,000 คนในปี 2565 อัตราเจริญพันธุ์รวมของประเทศไทยอยู่ที่ 1.03 ซึ่งต่ำกว่าระดับทดแทนที่ 2.1 คน สถานการณ์นี้ส่งผลให้ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ โดยมีผู้สูงอายุมากกว่า 20% ของประชากรทั้งหมดในปี 2567
โดย 71% ของประชาชนเห็นด้วยว่าจำนวนเด็กเกิดน้อยเป็นวิกฤตของประเทศ มีเพียง 39% ของผู้ที่อยู่ในสถานะสมรสที่ตัดสินใจจะมีลูกอย่างแน่นอน
ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตรสูง ตั้งแต่แรกเกิดจนจบปริญญาตรีในสถาบันของรัฐประมาณ 1.6 ล้านบาท ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ และค่าครองชีพที่สูงขึ้น ความเครียดและภาระในการเลี้ยงดูบุตร โดยเฉพาะในภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตช้า โครงสร้างครอบครัวที่เปลี่ยนไป ทำให้การช่วยเหลือในการเลี้ยงดูลดลง ค่านิยมที่ต้องการความอิสระในการใช้ชีวิต ความกังวลเกี่ยวกับสภาพสังคมที่ไม่น่าอยู่
การขาดแคลนวัยแรงงาน: สัดส่วนของวัยแรงงานลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงานในอนาคต
การพึ่งพาแรงงานต่างชาติ: ประเทศไทยต้องพึ่งพาแรงงานต่างชาติมากขึ้นเพื่อทดแทนการขาดแคลนแรงงานในประเทศ
การเพิ่มขึ้นของสัดส่วนผู้สูงอายุ: จำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดภาระในการดูแลสุขภาพและสวัสดิการผู้สูงอายุมากขึ้น
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ: การลดลงของวัยแรงงานส่งผลให้ศักยภาพการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยต่ำลง รวมถึงกำลังซื้อและการบริโภคลดลง
การจัดเก็บภาษีลดลง: ภาครัฐจัดเก็บภาษีได้น้อยลงเนื่องจากประชากรวัยทำงานลดลง
ความผูกพันในครอบครัวและสังคมลดลง: ครอบครัวเดี่ยวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ความใกล้ชิดในเครือญาติลดลง
การพัฒนาระบบการศึกษา: ยกระดับคุณภาพการศึกษาให้เท่าเทียมกัน ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา
การสนับสนุนการเลี้ยงดูบุตรควบคู่กับการทำงาน: จัดตั้งศูนย์เด็กเล็กในที่ทำงาน หรือมีสถานรับเลี้ยงเด็กคุณภาพใกล้ที่ทำงาน
การส่งเสริมทักษะการเลี้ยงดูบุตร: สนับสนุนให้พ่อแม่และผู้ดูแลมีทักษะในการเลี้ยงดูเด็กอย่างเหมาะสม
การให้เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดแบบถ้วนหน้า: ขยายเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดให้ครอบคลุมทุกคน ไม่จำกัดเฉพาะครัวเรือนรายได้น้อย
เพิ่มเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด: และขยายการสนับสนุนไปจนถึงอายุ 6 ขวบ
การเพิ่มวันลาเลี้ยงดูบุตรให้แก่พ่อ: สนับสนุนให้พ่อมีส่วนร่วมในการเลี้ยงดูบุตรมากขึ้น
การให้ความสำคัญกับสวัสดิภาพของแม่: ดูแลสุขภาพแม่ทั้งในช่วงตั้งครรภ์และหลังคลอด
การปรับปรุงสวัสดิการพื้นฐาน: เพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้สิทธิ์ลาเพื่อเลี้ยงดูบุตร และค่าลดหย่อนภาษีที่ไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพ
การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสำหรับเด็ก: พัฒนาสถานรับเลี้ยงเด็กที่มีคุณภาพ และสนามเด็กเล่น
การบูรณาการความร่วมมือ: ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง
เกาหลีใต้: ลดชั่วโมงการทำงานสำหรับหญิงตั้งครรภ์ และให้สิทธิ์ลาเลี้ยงลูกได้ถึง 1 ปี โดยแบ่งลาเป็นช่วงได้จนเด็กอายุ 8 ปี
ญี่ปุ่น: ให้ลาคลอด 6 สัปดาห์ก่อนคลอด และ 8 สัปดาห์หลังคลอด มี Angel plan ให้คำปรึกษาและสอนพ่อให้ช่วยเลี้ยงลูก
สิงคโปร์: ให้เงินอุดหนุนสำหรับเด็กเกิดใหม่ หรือเบบี้โบนัส และให้ลดหย่อนภาษีในการเลี้ยงดูบุตร โดยให้เงิน 8,000 ดอลลาร์สิงคโปร์สำหรับลูกคนแรก และเพิ่มขึ้นสูงสุด 10,000 ดอลลาร์สิงคโปร์สำหรับลูกคนที่สาม
รวมไปถึงหลายประเทศมีมาตรการสนับสนุนเงินและสวัสดิการต่างๆ ให้แม่ลาคลอดได้นาน 6-12 เดือน และให้พ่อใช้สิทธิลาคลอดแทนแม่ได้
สถานการณ์เด็กเกิดน้อยในประเทศไทยเป็นปัญหาที่ซับซ้อนและส่งผลกระทบในหลายด้าน การแก้ไขปัญหาจึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป รัฐบาลควรเร่งดำเนินนโยบายต่างๆ เพื่อส่งเสริมการมีบุตร และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเลี้ยงดูเด็กอย่างมีคุณภาพ โดยเรียนรู้จากตัวอย่างนโยบายจากต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จ เพื่อสร้างประชากรที่มีคุณภาพ ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต การแก้ปัญหานี้ไม่เพียงแต่เป็นการเพิ่มจำนวนประชากร แต่เป็นการลงทุนในอนาคตของประเทศไทยด้วย
อ้างอิง