SHORT CUT
โนโรไวรัส เคยระบาดในไทยปี 66 วิธีป้องกันคือหมั่นใช้ช้อนกลางและล้างมือให้สะอาด เผยเป็นโรคที่ทุกฤดูกาล ผู้สูงอายุควรระวัง
นพ.ธิติ แสวงธรรม รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยถึงกรณีเกิดการระบาดของโรคอุจจาระร่วงของนักเรียน ครู และบุคลากร 2 โรงเรียน ในอำเภอแกลง จังหวัดระยอง พบผู้ป่วยรวม 1,436 ราย เป็นนักเรียน 1,418 ราย ครูและบุคลากร 18 ราย อันเกิดจากการติดเชื้อโนโรไวรัสที่ปนเปื้อนมากับ “น้ำและน้ำแข็ง” ที่บริโภคในช่วงสัปดาห์ของการจัดกิจกรรมกีฬาสี
โดยโนโรไวรัส (Norovirus) มักจะแพร่ระบาดในกลุ่มเด็กที่มีภูมิต้านทานน้อยกว่าผู้ใหญ่ โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว พบบ่อยตามโรงเรียน ภัตตาคาร โรงพยาบาล สถานที่เลี้ยงเด็ก รวมไปถึงรถหรือเรือท่องเที่ยว
โนไวรัสเป็นโรคติดต่อจากคนสู่คน สามารถติดต่อได้ง่าย จากการสัมผัสทางอาหาร น้ำดื่ม อากาศ การสัมผัส และการหายใจ เช่น การสัมผัสผู้ป่วยที่ติดเชื้อโนโรไวรัสโดยตรง การสัมผัสสิ่งของที่มีเชื้อโนโรไวรัส รวมถึงสภาพแวดล้อมไม่ถูกหลักสุขาภิบาล โดยโนโรไวรัสมีระยะฟักตัวสั้น 12-48 ชั่วโมงหลังการรับเชื้อ อาการที่พบส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักมีอาการคลื่นไส้อาเจียนรุนแรง ปวดมวนท้อง ท้องเสีย มีไข้ต่ำ ๆ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะและปวดเมื่อยตามร่างกาย อาการรุนแรงในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ บางรายอาจทำให้มีอาการขาดน้ำ จึงควรดื่มน้ำเกลือแร่ เพื่อทดแทนการเสียน้ำและเกลือแร่
ประชาชนควรมีมาตรการในการป้องกันตนเองจากโรโนไวรัสตามคำแนะนำ ดังนี้ รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ใช้ช้อนกลาง ล้างผักและผลไม้ให้สะอาด ล้างมือด้วยน้ำสะอาดและสบู่ก่อนและหลังทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน หลีกเลี่ยงดื่มน้ำที่ไม่สะอาด และหลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำที่ไม่สะอาด
ส่วนหน่วยงานและสถานประกอบกิจการควรมีมาตรการควบคุมป้องกัน ดังนี้ การเติมคลอรีนในถังพักน้ำดื่มและน้ำใช้ การตรวจประเมินคุณภาพน้ำใช้ น้ำดื่มอย่างต่อเนื่อง จัดให้มีจุดล้างมือพร้อมสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ที่เพียงพอ การให้ความรู้ในการดูแลสุขภาพและส่งเสริมพฤติกรรมอนามัยส่วนบุคคลที่ดีสำหรับการป้องกันโรค
สำหรับโนโรไวรัส เคยระบาดที่ไทยมาแล้วในปี 2566 โดยนักเรียนใน จ.ชัยภูมิ หลายแห่ง เกิดอาการท้องร่วง อย่างหนัก จนทางโรงเรียนต้องพาส่ง โรงพยาบาล ซึ่งมีทั้งอาการหนักต้องให้นอนรักษาตัวในโรงพยาบาล และอาการไม่หนักรับยาไปกินที่บ้าน
มีอาการปวดท้อง เกิดอาการอาเจียน และเกิดท้องร่วงหนักตามมาต่อเนื่องในหลายโรงเรียน ตั้งแต่ระดับอนุบาล ประถม ไปจนถึงมัธยม รวมแล้วกว่า 6 โรงเรียน ซึ่งนักเรียนจะมีอาการอาเจียน ท้องร่วง ปวดท้องอย่างหนัก เวียนศีรษะ เข้ารักษาตัวใน รพ.ชัยภูมิ และ รพ.เอกชน อีก 2 แห่ง
รวมแล้วมีเด็กป่วยท้องร่วง 315 ราย และเบื้องต้นผลการส่งตรวจหาเชื้อจากศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ นครราชสีมา จาก 7 ตัวอย่างส่งตรวจออกมา เกิดจากโนโรไวรัส ซึ่งเป็นเชื้อที่อยู่ได้ทั้งในอาหาร และน้ำแข็ง
ซึ่งโรคนี้สามารถเกิดได้ทุกฤดูกาล ข้อระวังคือควรกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ผู้สูงอายุควรระวังให้มากที่สุด