svasdssvasds

JAS ซื้อสิทธิถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก: เรารู้อะไรแล้วบ้าง

JAS ซื้อสิทธิถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก: เรารู้อะไรแล้วบ้าง

ข่าว JAS เจรจาขอซื้อสิทธิในการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกรวมถึงเอฟเอคัพ กลายเป็นข่าวใหญ่ข้ามคืน สิ่งที่นา่สนใจก็คือ แล้วสิทธิดังกล่าวได้ 'เปลี่ยนมือแล้ว' ตามที่หลายๆ สื่อรายงาน จริงหรือไม่

กลายเป็นข่าวฮือฮาช่วงหัวค่ำวันที่ 11 พ.ย.2567 หลายสื่อไปพาดหัวข่าวทำนองว่า ผู้ได้รับสิทธิถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกจะ ‘เปลี่ยนมือแล้ว’ คำถามคือจริงเหรอ? ถึงปัจจุบัน เรารู้อะไรเกี่ยวกับกรณีนี้บ้าง SPRiNG ขอสรุปให้อ่านกัน

1.) เวลา 18.38 น. ของวันที่ 11 พ.ย.2567 บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ของไทย เช่น เน็ตบ้าน 3BB, ทีวีดิจิทัล MONO ฯลฯ ทำหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเรื่อง “การได้รับสิทธิในการถ่ายทอดสดรายการฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ”

2.) เนื้อหาในเอกสารดังกล่าว มี 16 หน้ากระดาษ สาระสำคัญระบุว่า บอร์ดบริษัท JAS มีมติให้เข้าทำธุรกรรมเพื่อให้บริษัทฯ ได้รับสิทธิแต่เพียงผู้เดียว (exclusivity right) ในการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพของอังกฤษ บน internet tv และ digital tv รวมถึงไฮไลต์ต่างๆ รวม 3 ฤดูกาล ตั้งแต่ฤดูกาล 2025/2026 เป็นต้นไป ด้วยมูลค่า 559.98 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 19,198 ล้านบาท หรือจะขยายเป็น 6 ฤดูกาล หาก The Football Association Premier League Limited – FAPL เอกชนที่ถือสิทธิในการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ทำหนังสือแจ้งกลับมาภายในวันที่ 1 ธ.ค.2567

3.) ตามหนังสือฉบับนี้ JAS อ้างว่า จะได้รับสิทธิในการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกของอังกฤษรวมถึงเอฟเอคัพใน 3 ประเทศ ได้แก่ ไทย ลาว และกัมพูชา

4.) การจ่ายค่าตอบแทนในการได้รับสิทธินี้ จะแบ่งเป็น 2 กรณี

กรณีได้รับสิทธิ 3 ฤดูกาล จะแบ่งเป็นค่าสิทธิในการถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก 6,288 ล้านบาท แบ่งจ่าย 3-6 งวด, เอฟเอคัพ 319 ล้านบาท แบ่งจ่ายรายปี และค่าตอบแทนการได้สิทธิ*

กรณีได้รับสิทธิ 6 ฤดูกาล จะแบ่งเป็นค่าสิทธิในการถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก 18,792 ล้านบาท แบ่งจ่าย 6-12 งวด, เอฟเอคัพ 752 ล้านบาท แบ่งจ่ายรายปี และค่าตอบแทนการได้สิทธิ*

โดย *ค่าตอบแทนการได้สิทธิ ไม่ว่าจะ 3 ฤดูกาล หรือ 6 ฤดูกาล จะอยู่ที่ 1,369 ล้านบาท ซึ่งต้องชำระล่วงหน้าเป็นก้อนเดียว และจะถูกริบหากสุดท้าย ดีลนี้ล่มไป

ทั้งนี้ ไม่รวมถึงค่าตอบแทนอื่นๆ เช่น ค่าตอบแทนการได้ใช้คลิปภาพและเสียงดิจิทัล 160 ล้านบาท ฯลฯ

5.) แหล่งที่มาของเงินในการซื้อมาจากไหน?

ทาง JAS แจ้งว่า จะใช้แหล่งเงินทุนจากกระแสเงินสดของบริษัทฯ ซึ่ง ณ วันที่ 30 มิ.ย.2567 มีอยู่ราว 4,679 ล้านบาท และการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินซึ่งอยู่บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจากับสถาบันการเงิน ทั้งนี้ ข้อตกลงที่ให้ชำระเงินเป็นงวดๆ ได้ ทำให้บริษัทฯ สามารถพิจารณากู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินเป็นคราว ๆ ไป

6.) การเจรจาเข้าซื้อสิทธิถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกของ JAS ครั้งนี้ สร้างความตื่นเต้น เพราะหลายคนคิดว่า JAS จะเข้ามาแทน บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ซึ่งเป็นเจ้าของสิทธินี้มาตั้งแต่ปี 2550 (มีเสียสิทธิช่วงหนึ่งให้กับ CTH ระหว่างปี 2556-2559) และสัญญาล่าสุดจะมีจนถึงวันที่ 2567

7.) ถามว่า การเข้าซื้อสิทธิถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกครั้งนี้ของ JAS ถือว่าเสร็จสิ้นแล้วหรือไม่ คำตอบคือยัง เพราะต้องมีการเจรจาเพิ่มเติม และ JAS จะนัดประชุมผู้ถือหุ้นอีกครั้ง ในวันที่ 7 ม.ค.2568

8.) มีรายงานว่า เช้าวันนี้ (12 พ.ย.2567) ผู้บริหารของ TRUE จะประชุมถึงข่าวที่เกิดขึ้น เพราะตามเงื่อนไข เจ้าของสิทธิเดิมจะได้ยื่นเสนอราคาก่อนเจ้าอื่นๆ

9.) อาจจะต้องรอท่าทีจากผู้เกี่ยวข้องอีกครั้งว่า เรื่องสิทธิในการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกฤดูกาลหน้า (2025/2026) ใครจะเป็นผู้ถือ เพราะถึงปัจจุบันข้อมูลที่ออกมาส่วนใหญ่มาจากเอกสารที่ JAS รายงานต่อตลาดหุ้นเป็นหลัก

10.) ก่อนจะมีข่าวนี้ ราคาหุ้น JAS อยู่ที่ 2.38 บาท/หุ้น น่าสนใจว่าข่าวการขอเข้าซื้อสิทธิถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬายอดนิยมของคนไทยจะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นของบริษัทมากน้อยเพียงใด

คอบอลต้องรอติดตามกันต่อไปว่า จะได้ดูการถ่ายทอดสดรวมถึงไฮไลต์ต่างๆ ของฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ผ่านทางช่องทางไหน

related