SHORT CUT
ทำไมในอดีต ก่อนหญิงสาวสมัยอยุธยาจะถวายตัวให้พระมหากษัตริย์ต้องทาหน้าขาว ปากแดง พร้อมฝึกกระบวนท่าบังคับ ‘ท่าพับเป็ด’ หรือท่า ‘สัปตะวัชราสนะ’ ?
มีมที่กลายเป็นไวรัลในช่วงนี้ คงหนีไม่พ้นมีมจากซีรีย์ฟอร์มยักษ์จาก oneD Original อย่างเรื่อง ‘แม่หยัว’ The Empress of Ayodhaya โดยมีนางเอกชื่อดัง ใหม่ ดาวิกา มารับบทเป็น จินดา หรือ ท้าว ศรีสุดาจันทร์
โดยฉากที่ทางเพจ หนังฝังมุก ได้นำมาเผยแพร่มีประโยคที่เป็นกระแสไปทั่วโซเชียล
“เท้าถือว่าเป็นของต่ำ ยามเจ้าชีวิตเข้าชิดเสน่หา มิอาจให้เท้าของสตรีไปต้องพระวรกาย”
หญิงสาวที่จะทำการถวายตัวเป็นบาทบริจาริกาของพระมหากษัตริย์ จะต้องล้างอวัยวะเพศให้สะอาด พร้อมอบร่ำอย่างพิถีพิถันให้มีกลิ่นหอม และต้องฝึกท่ากามสูตรบังคับอย่าง ‘ท่าพับเป็ด’ ให้ได้ โดยหญิงสาวนั้นจะต้องนอนหงายตัวไปด้านหลังพร้อมพนมมือขึ้นเหนือหัว พับขาทั้ง 2 ข้างเข้าหาตัว เพื่อไม่ให้เท้าของสตรีไปโดนพระวรกายของพระเจ้าแผ่นดิน
และในขณะถวายตัวนั้น จะไม่ได้ขึ้นไปนอนที่พระแท่นบรรทมของพระเจ้าแผ่นดิน แต่จะมีแท่นรองสำหรับถวายงานโดยเฉพาะ นอกจากจะต้องเก็บเท้าไม่ให้โดนพระวรกายกษัตริย์แล้วยังต้องระวังไม่ให้เท้าชี้ไปที่แท่นบรรทมด้วย
นอกจากนี้สิ่งที่หลายคนยังคงสงสัยคือเพราะอะไรวันถวายตัว หญิงสาวเหล่านั้นจึงต้องทาใบหน้าขาวปากแดง คิ้วโก่งดั่งคันศร นั่นเป็นเพราะว่า
คนในสมัยโบราณมีความเชื่อว่า พระมหากษัตริย์เปรียบเสมือนองค์สมมติเทพ ก็คือพระนารายณ์ที่อวตารลงมาบนโลกมนุษย์ ฉะนั้นหญิงสาวที่มาถวายตัวต่อพระมหากษัตริย์นั้นก็เปรียบเสมือนเป็นนางฟ้านางสวรรค์ลงมาคอยปรนนิบัติรับใช้
อีกนัยหนึ่งคือในสมัยก่อนนั้นไม่มีไฟฟ้าใช้ มีแสงสว่างเพียงเล็กน้อยจากการจุดเทียนเท่านั้น จึงจำเป็นต้องมีการตกแต่งทาใบหน้าให้สามารถมองเห็นโครงหน้าได้อย่างชัดเจน
ท่าพับเป็ดในอดีตนั้นถูกส่งต่อมาจนถึงปัจจุบัน และกลายเป็นท่าโยะคะ ที่มีผลดีต่อร่างกาย สรรพคุณช่วยให้นอนหลับง่าย ขจัดไขมันบริเวณขา และช่วยให้กระดูกกล้ามเนื้อในส่วนแผ่นหลังและขา ให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้นอีกด้วย