ความขัดแย้งระหว่างชาติมหาอำนาจรุนแรงขึ้น หากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ประชาชนจะหลบที่ไหนถึงจะปลอดภัย และพื้นที่ไหนไม่น่าอยู่
ความตึงเครียดทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากเป็นวิกฤตการณ์ในพื้นที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับเพื่อนบ้านในตะวันออกกลาง สงครามรัสเซียและยูเครนในยุโรป และข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ที่มีหลายชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง
ทำให้หลายคนเกิดความกังวลว่า โลกกำลังเข้าใกล้สงครามเต็มรูปแบบ ซึ่งก็คือ ‘สงครามโลกครั้งที่ 3’ เนื่องจากประวัติศาสตร์มนุษย์มักวนมาซ้ำรอยเดิมเสมอ และการเลือกตั้งสหรัฐฯ ในปี 2024 ระหว่าง ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ และ ‘กมลา แฮร์ริส’ ก็ยิ่งตอกย้ำความไม่แน่นอนของสถานการณ์ เนื่องจากนโยบายต่างประเทศของพวกเขา จะเป็นตัวกำหนดความขัดแย้งที่น้อยลง หรือมากขึ้นหลังจากนี้
หากสมมุติว่าโลกเดือนจนเกิดสงครามจริงๆ แน่นอนว่าประชาชนที่ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งครั้งนี้ ต้องมองหาสถานที่อยู่ที่มีทั้งอาหาร น้ำ พลังงาน และพื้นที่หลบภัยจากสงครามนิวเคลียร์ ที่อยู่ได้เป็นเวลานาน จนกว่าสงครามระหว่างชาติมหาอำนาจจะจบลง ซึ่งด้านล่างนี้ คือประเทศที่คาดว่า ‘อาจจะอันตรายที่สุด’ และ ‘และอาจจะปลอดภัยที่สุด’ ในสงครามโลกครั้งที่ 3
เดิมทีสหรัฐฯ มีข้อได้เปรียบด้านภูมิศาสตร์ที่แยกตัวมาจากพื้นที่อื่น จึงทำให้ประเทศไม่เคยได้รับความเสียหายจากความขัดแย้งต่างๆ เท่าไหร่นัก เห็นได้จากสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ ‘ญี่ปุ่น’ และ ‘เยอรมนี’ คู่สงคราม ไม่สามารถสร้างความเสียหายที่ร้ายแรงบนแผ่นดินนี้ได้เลย
แต่สงครามโลกครั้งที่ 3 นั้นแตกต่างออกไป เพราะการที่สหรัฐฯ ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำโลก ก็ย่อมตกเป็นเป้าหมายโจมตีอันดับ ซึ่งหลายประเทศมีอาวุธนิวเคลียร์ และขีปนาวุธระยะไกล ที่สามารถโจมตีพื้นที่ไหนบนโลกก็ได้ และแม้ว่าสหรัฐฯ จะมีระบบป้องกันที่ทันสมัย แต่หลายฝ่ายก็เชื่อว่า ‘รัสเซีย’และ ‘จีน’ มีศักยภาพทางอาวุธเพียงพอจะสร้างความเสียหายให้สหรัฐฯ ได้ และถ้าเป็นแบบนั้นจริง เมืองต่างๆ ที่มีความสำคัญของสหรัฐฯ จะถูกโจมตีได้ และอาจมีประชากรจำนวนมากต้องเสียชีวิต
ชาวยิวความตึงเครียดสูงกับประเทศเพื่อนบ้านมาหลายทศวรรษ และความขัดแย้งกับ ‘อิหร่าน’ และ ‘กลุ่มก่อการร้ายต่างๆ’ ในตอนนี้ ก็ใกล้ปะทุเป็นสงครามระดับภูมิภาค หากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ตะวันออกกลางจะเป็นหนึ่งในพื้นที่สมรภูมิสำคัญแน่นอน
ในอดีต ความกว้างใหญ่ของรัสเซียช่วยให้ประเทศแห่งนี้รอดพ้นจากความพ่ายแพ้ในสงครามมาได้ แต่กรณี สงครามนิวเคลียร์เต็มรูปแบบ รัสเซียอาจถูกรุมโจมตี สหรัฐฯ อังกฤษ ฝรั่งเศส และพันธมิตรอื่นๆ ที่มีอาวุธนิวเคลียร์ จึงแน่นอนว่าหลายพื้นที่ของประเทศต้องได้รับความเสียหาย และถ้าเป็นพลเลือน ที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ก็เสี่ยงถูกลูกหลงจากสงครามได้เช่นกัน
‘อิหร่าน’ และ ‘อิสราเอล’ เป็นปรปักษ์กันมานาน และหลังอิสราเอลเปิดปฏิบัติการทางทหารในปาเลสไตน์ปี 2023 ก็ยิ่งทำให้สถานการณ์ร้อนระอุมากขึ้น จนถึงขั้นยิงขีปนาวุธใส่กันโดยตรง หากเป็นสงครามเต็มรูปแบบ แน่นอนว่า สหรัฐฯ ต้องเข้ามาช่วยอิสราเอล ทำให้บนแผ่นดินอิหร่านมีโอกาสสูงที่จะถูกโจมตีจากทั้งอิสราเอลและสหรัฐฯ พร้อมๆ กัน
เกาะไต้หวัน เป็นตัวเร่งความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีนมาตลอด เนื่องจากมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ และก็จีนอ้างสิทธิ์ในอำนาจอธิปไตยเหนือไต้หวันด้วย หากสหรัฐฯ ที่สัญญาจะปกป้องไต้หวันเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำในสงคราม จีนจะต้องเข้ายึดครองเกาะไต้หวันด้วยกำลังแน่นอน
นอกเหนือจากนี้ อีกหลายพื้นที่บนโลกก็เสี่ยงเป็นสมรภูมิเดือดเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นยูเครนที่ขัดแย้งกับรัสเซียอยู่แล้ว หรือ ชายแดน อินเดียปากีสถานที่ขัดแย้งกันตลอด หรือ เกาหลีใกล้กับญี่ปุ่น ที่อยู่ใกล้เกาหลีเหนือและจีน แต่อย่างไรก็ตาม การอาศัยอยู่ในประเทศที่เป็นแกนนำสงคราม หรืออยู่ในประเทศที่ชาติมหาอำนาจตั้งใจจะยึดครอง ความปลอดภัยในชีวิตย่อมน่าเป็นห่วงที่สุด
สวิตเซอร์แลนด์วางตัวเป็นกลางมาตลอด ทั้งในสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 จึงแน่นอนว่าสงครามโลกครั้งที่ 3 ก็จะเลือกเป็นกลางเหมือนเดิม แถมทุกวันนี้สวิตเซอร์แลนด์ก็ไม่ได้เป็นสมาชิกนาโต้ และดินแดนที่เป็นภูเขาก็เอื้อต่อการหลบภัยสงครามนิวเคลียร์มากที่สุด
เกาะขนาดใหญ่ในมหาสมุทรแอตแลนติกตอนเหนือถือเป็นตัวเลือกที่ดีในการหนีความวุ่นวาย เขตปกครองตัวเองของประเทศเดนมาร์กแห่งนี้ มีอำนาจในการปกครองตนเอง และมีประชากรไม่เกิน 60,000 คน ด้วยเหตุนี้กรีนแลนด์อาจถูกมองข้ามจากชาติมหาอำนาจ
เช่นเดียวกับกรีนแลนด์ ไอซ์แลนด์อาจเป็นอีกสถานที่หนึ่งสำหรับเลี่ยงสงครามโลก โดยมีทรัพยากรทางทะเลและแหล่งน้ำจืดอุดมสมบูรณ์ นอกจากนั้น ประเทศยังได้รับพลังงาน 100% จากแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่มีอยู่ภายในพรมแดน
ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกเฉียงใต้ ห่างจากเพื่อนบ้านที่ใกล้ที่สุดอย่างออสเตรเลียไปประมาณ 2,700 ไมล์ ไม่มีความสำคัญทางทหาร แต่มีแหล่งอาหารและพื้นที่เพาะปลูกที่อุดมสมบูรณ์ จึงเหมาะกับอยู่ยาวๆ เพื่อหนีความขัดแย้ง
แม้ว่า นิวซีแลนด์จะเป็นสมาชิกของเครือจักรภพ และเคยช่วยฝ่ายพันธมิตรรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ปัจจุบันนิวซีแลนด์เน้นนโยบายสันติ และมีเป็นพื้นที่ภูเขาจำนวนมาก ดังนั้นจึงเป็นสถานที่หลบภัยชั้นดี
ที่มา : Daily Express, Visit World , Vocal
ข่าวที่เกี่ยวข้อง