SHORT CUT
‘ศาสนาพุทธ’ และ ‘ศาสนาเต๋า’ มีความเหมือน และแตกต่างกันอย่างไรบ้าง ? ทั้งในเรื่องของการดับทุกข์ ความตาย และการดำเนินชีวิต !
เนื่องจาก ‘ศาสนาพุทธ’ และ ‘เต๋า’ มีหลักปรัชญาการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายคล้ายๆ กัน แถมยัง เฟื่องฟูในหลายประเทศของเอเชียแปซิฟิกเหมือนกันอีกด้วย จึงมีถูกคนเข้าใจผิดว่า ทั้ง 2 ศาสนานี้เป็นศาสนาเดียวกัน ทั้งที่ในความเป็นจริงทั้ง 2 ศาสนามีความแตกต่างกันอยู่มาก
พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่เกิดในอินเดียก่อนพุทธศักราช 44 ปี (พุทธศักราชเริ่มตั้งแต่ปี ซึ่งพระพุทธเจ้าเสด็จเข้าสู่ปรินิพพาน) นับว่าเป็นศาสนาที่สำคัญที่สุดของโลกศาสนาหนึ่ง มีผู้นับถือหลายร้อยล้านคน โดยเฉพาะในประเทศต่างๆ ทางเอเชียใต้ เอเชีย ตะวันออก และเอเชียอาคเนย์ ผู้ให้กำเนิดพระพุทธศาสนา คือ พระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะ และพระนางสิริมหามายา แห่งกรุงกบิลพัสดุ์ แคว้นสักกะ ซึ่งเวลานี้อยู่ในเขตประเทศเนปาล ปัจจุบันพุทธศาสนาเป็นหนึ่งในศาสนาสำคัญของโลก มีผู้นับถือทั่วเอเชีย โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ส่วน เต๋า ช่วงเวลายังไม่แน่ชัด เพราะเชื่อกันว่ารากฐานมาจากศาสนาพื้นบ้านก่อนประวัติศาสตร์ของจีน โดยมี ‘เล่าจื้อ’ เป็นผู้ก่อตั้งความเชื่อนี้ ตำนานเล่าถึงชีวิตของเล่าจื๊อว่าเกิดใต้ต้นหม่อนประมาณ 604 ปีก่อนคริสต์ศักราช ในรัฐฌ้อ ภาคกลางของจีน (เกิดหลัง พระพุทธเจ้า 18 ปี) โดยศาสนาเต๋าในรูปแบบที่เป็นองค์กรและมีพิธีกรรมเริ่มก่อตัวขึ้นในช่วงสมัยราชวงศ์ฮั่น (ประมาณ 206 ปีก่อนคริสต์ศักราช – 220 ปีก่อนคริสต์ศักราช) ซึ่งจักรพรรดิจีนหลายพระองค์มีบทบาทสำคัญในการเผยแผ่และเผยแพร่คำสอนของศาสนานี้
ปัจจุบัน ศาสนาเต๋าเป็นหนึ่งในห้าศาสนาที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการในประเทศจีนและเกาะไต้หวัน แม้ศาสนานี้จะไม่แพร่หลายนอกประเทศจีนนัก แต่ก็พบว่ามีศาสนิกชนจำนวนหนึ่งในฮ่องกง มาเก๊า และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งศาสนาพุทธและเต๋า เกี่ยวข้องกับการมีสมาธิอยู่กับปัจจุบัน เน้นย้ำถึงการฝึกฝนความสงบและความชัดเจนภายในจิตใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านการฝึกสมาธิ เมื่อศึกษาทั้ง 2 ความเชื่อ จะเห็นได้ชัดว่าแม้ว่าแนวทางและคำสอนอาจแตกต่างกัน แต่แก่นแท้กลับมุ่งไปที่จุดเดียวกันคือการมีสติสัมปชัญญะที่เหมาะสม ช่วยให้แสวงหาความสมบูรณ์ทางจิตวิญญาณและการตรัสรู้
การปฏิบัติร่วมกันอีกอย่างหนึ่งคือการปลูกฝังคุณธรรมและความเมตตา ศาสนาเต๋าเน้นการใช้ชีวิตอย่างกลมกลืนกับธรรมชาติและปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเมตตาและความเคารพ ในขณะที่ศาสนาพุทธสอนถึงความสำคัญของการใช้ชีวิตด้วยความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และความเห็นอกเห็นใจต่อสรรพชีวิต
อีกสิ่งที่คล้ายกั้นอย่างยิ่งคือ ‘ปล่อยวาง’ โดยศาสนาเต๋า สอนให้เราปล่อยวาง รับทั้งสิ่งที่ดีและสิ่งที่ร้าย เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวิถีธรรมชาติ เช่นเดียวกับศาสนาพุทธ ที่สอนให้เปล่อยวางความยึดติดในตัวตน อย่าแบกอะไรที่หนักเกินไป เพื่แต่ให้เข้าถึง ความสงบสุขในปัจจุบัน
ความแตกต่างประการแรกคือ ศาสนาเต๋าเน้นที่การฝึกฝนพลังชีวิตและการใช้แนวทางปฏิบัติ เช่น การฝังเข็มเพื่อฟื้นฟูร่างกาย และยังมีการบริหารกายจิตแบบซี่กง ที่เน้นฝึกลมปราณและการออกกำลังเป็นยา
ขณะที่ศาสนาพุทธ เน้นอริยสัจสี่ ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และเป็นหัวใจสำคัญของพระพุทธศาสนา หมายถึงความจริงอัน ประเสริฐ 4 ประการที่นำไปสู่การดับทุกข์ ได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค ที่เป็นหนทางสู่ความดับทุกข์อันมีเหตุผล
สำหรับศาสนาเต๋า วิญญาณเป็นสิ่งนิรันดร์ และจะกลายเป็นหนึ่งเดียวกับเต๋า (หลักธรรมชาติสูงสุด) ในที่สุด วิญญาณจะไม่มีวันตาย แต่จะย้ายไปยังร่างอื่นเพื่อเกิดใหม่เป็นคนละคนเท่านั้น วัฏจักรการเกิดใหม่นี้จะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่านับไม่ถ้วนจนกว่าจะบรรลุเต๋า
ขณะที่ชาวพุทธ มีความเชื่อที่ว่ามนุษย์อยู่ในวัฏจักรแห่งการ ‘เวียนว่ายตายเกิด’ วัฏจักรนี้สามารถยุติลงได้ด้วยการบรรลุนิพพาน ดังนั้น การยุติวัฏจักรแห่งการเวียนว่ายตายเกิด จึง เป็นเป้าหมายสำคัญประการหนึ่งของพุทธศาสนิกชนหลายคน
ศาสนาเต๋าสนับสนุนชีวิตที่สอดคล้องกับธรรมชาติ โดยเน้นที่ความเรียบง่าย ความเป็นธรรมชาติ และอ่อนน้อมถ่อมตน ด้วยความเข้าใจ หลักการหยินและหยาง ลัทธิเต๋าพยายามสร้างความสมดุลและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติกับโลก และสอนให้ปล่อยวางเรื่องผลลัพธ์ กล่าวคือ ทำหน้าที่ในชีวิตตนไปเรื่อยๆ จนดูเหมือน ‘เฉื่อยชา’ ในสายตาคนนอก
ขณะที่ ชาวพุทธเน้นที่การมีสติและการตระหนักว่าทุกสิ่งไม่เที่ยงและเชื่อมโยงถึงกัน การตระหนักรู้เช่นนี้จะส่งเสริมความเมตตากรุณาอย่างลึกซึ้งต่อสรรพชีวิตทั้งหมด สอนว่าการกระทำอย่างมีสติจะนำไปสู่ผลลัพธ์เชิงบวก และการกระทำเชิงลบจะทำให้เกิดความทุกข์
ถึงตรงนี้ สรุปได้ว่า ศาสนาพุทธและเต๋า ทั้งเหมือนและแตกต่างกันหลายประการ แต่ทั้ง 2 ศาสนาต่างก็ให้บทเรียนในความจริงของชีวิตที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องพระเจ้าเหมือนศาสนาอื่นๆ และไม่ว่าจะเป็นชาวพุทธหรือเต๋า ก็สามารถเรียนรู้ระหว่างกันได้ เช่น ผู้ที่นับถือเต๋าสามารถยึดถือคำสอนของพุทธศาสนาเกี่ยวกับการมีสติและการไม่ยึดติด ซึ่งช่วยให้เกิดความสงบที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ที่มา : taoistwellness/ diffen
ข่าวที่เกี่ยวข้อง