บอร์ดบีโอไอ (BOI) มีมติสั่งเพิกถอนสิทธิประโยชน์ “ซินเคอหยวน สตีล” ชั่วคราว หลังพบอาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย ย้ำเดินหน้าคัดกรองกิจการเหล็กเพื่อคุ้มครองผู้ประกอบการไทย
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) มีมติสำคัญในวันที่ 11 เมษายน 2568 ให้ เพิกถอนการใช้สิทธิประโยชน์แบบชั่วคราว ของบริษัท ซินเคอหยวน สตีล จำกัด หลังมีข้อมูลว่าอาจมีการฝ่าฝืนกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับโรงงานอุตสาหกรรมและมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
การเคลื่อนไหวครั้งนี้สะท้อนถึงแนวทางเชิงรุกของภาครัฐในการ ป้องกันผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเหล็กไทย พร้อมส่งสัญญาณชัดว่าบีโอไอจะไม่ให้สิทธิประโยชน์กับกิจการที่ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการบีโอไอ เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนซึ่งมี นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ได้มีมติให้ระงับการใช้สิทธิประโยชน์ของบริษัท ซินเคอหยวน สตีล จำกัด ชั่วคราว โดยบริษัทเคยได้รับสิทธิจากบัตรส่งเสริมเลขที่ 1235(2)/2556 สำหรับกิจการผลิตเหล็กแท่ง (Billet)
การระงับจะมีผลตั้งแต่วันที่มีมติ จนกว่ากระทรวงอุตสาหกรรมจะมีหนังสือยืนยันกลับมาอย่างเป็นทางการว่าอนุญาตให้บริษัทกลับมาดำเนินกิจการได้อีกครั้ง
ทั้งนี้ สิทธิประโยชน์ที่บริษัทใช้ไปแล้วก่อนหน้านี้จะไม่ได้รับผลกระทบจากมติดังกล่าว
มติดังกล่าวมีขึ้นหลัง กระทรวงอุตสาหกรรมทำหนังสือถึง BOI เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2568 แจ้งว่าบริษัทมีพฤติกรรมเข้าข่ายฝ่าฝืน พระราชบัญญัติโรงงานอุตสาหกรรม และ พระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
BOI จึงได้ลงพื้นที่ ตรวจสอบโรงงานซินเคอหยวนตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน และออกหนังสือเตือนบริษัทให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขในบัตรส่งเสริมอย่างเคร่งครัด
ต่อมา ได้มีการประชุมร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมในวันที่ 8 เมษายน 2568 เพื่อพิจารณาข้อมูลโดยรอบ ก่อนเร่งเสนอให้บอร์ด BOI ตัดสินใจเพิกถอนสิทธิในวันถัดมา เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการสอบสวน
กรณีนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ BOI ใช้มาตรการเข้มกับกิจการเหล็ก โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บีโอไอได้ทยอย ยกเลิกการส่งเสริมกิจการเหล็กหลายประเภท เช่น เหล็กเส้น เหล็กลวด เหล็กแผ่นรีดร้อน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ประสบภาวะล้นตลาดและการแข่งขันไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะจากผู้ประกอบการต่างชาติ
ปี 2567 บอร์ดบีโอไอยังมีมติให้ จำกัดสิทธิประโยชน์เหลือเพียงสิทธินอกภาษี (Non-Tax) สำหรับกลุ่มกิจการเหล็กที่มีความสำคัญต่อห่วงโซ่อุปทาน เช่น
ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนเฉพาะกิจการที่ส่งเสริมศักยภาพอุตสาหกรรมไทยในเชิงโครงสร้าง เช่น การจ้างงาน การพัฒนาบุคลากร การวิจัยและพัฒนา การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการสร้างรายได้จากการส่งออก