SHORT CUT
‘โมลอสเซอร์’ สุนัขสุดอันตรายในยุคโบราณ ออกศึกประลองในสังเวียนไม่หวั่น เป็นบรรพบุรุษสายพันธุ์บูลลี่ทั้งหมด!
หากใครชอบสุนัข ต้องเคยได้ยินสายพันธุ์บูลลี่มาบ้าง โดยสุนัขกลุ่ม “บูลลี่ด็อก (BULLY DOG) ” ในปัจจุบันนั้น ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากรูปร่างสวยงาม แข็งแรง เฉลียวฉลาด และขึ้นชื่อเรื่องความภักดีเป็นอย่างมาก
แต่ก่อนที่พวกมันจะเป็นสัตว์เลี้ยงที่เป็นมิตรอย่างตอนนี้ ต้นตระกูลในอดีตของพวกมันอย่าง ‘โมลอสเซอร์ (Molosser)’ ถือเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีความอันตรายสุด ๆ เพราะเป็นสุนัขที่มนุษย์ใช้ในสงคราม และเป็นความบันเทิงในสนามประลองมาเนิ่นนาน
‘สุนัขดุร้าย’ แต่ซื่อสัตย์กับเจ้าของ ถือเป็นทรัพย์สินที่มีค่าของมนุษย์มาตั้งแต่โบราณ หนึ่งในสายพันธุ์แรกๆ ที่ถูกบันทึกว่ามีบทบาทในสนามรบคือ กลุ่มโมลอสเซอร์ ที่เป็นบรรพบุรุษของสุนัขสายพันธุ์บูลลี่ในปัจจุบันทั้งหมด โดยสุนัขสายพันธุ์นี้ มีต้นกำเนิดมาจากภูมิภาค ‘โมโลสเซีย (Molossia)’ ในประเทศกรีซ ซึ่งคนท้องถื่นนิยมเลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน และใช้เป็นสัตว์สงคราม เนื่องจากพวกมันมีร่างกายล่ำสัน กระดูกแข็งแรง ปากสั้นแต่หัวโต พลังกัดจึงรุนแรงกว่าสุนัขสายพันธ์ุอื่นในเวลานั้น
ประมาณคริสต์ศักราชที่ 50 สุนัขสายพันธุ์โมลอสเซอร์ ถูกนำไปเลี้ยงในหลายพื้นที่ของทวีปยุโรป นอกจากอาณาจักรต่างๆ จะใช้พวกมันในสงครามแล้ว มันยังถูกใช้เพื่อความบันเทิงด้วย ในอาณาจักรโรมัน มีบันทึกว่า สุนัขโมลอสเซอร์ถูกใช้สู้กับสิงโตในโรงละครกลางแจ้ง และลานประลองโคลอสเซียม บางครั้งพวกมันถูกบังคับให้สู้กันเอง หรือไม่ก็ต่อสู้กับกลาดิเอเตอร์
ในอังกฤษช่วงศตวรรษที่ 13 มีการผสมจนได้สายพันธุ์บูลด็อก (Bulldog) แยกออกมาจากสายพันธุ์โมลอสเซอร์ และแพร่กระจายไปยังส่วนต่างๆ ของโลกพร้อมกับยุคล่าอาณานิคม แต่ในยุโรปยุโรปก่อนศตวรรษที่ 19 สุนัขสายพันธุ์บูลด็อก ถูกใช้ในการต่อสู้กับวัวกระทิง หรือที่เรียกว่ากีฬา ‘บูลเบทติ้ง (Bull Baiting) ’ เพราะบูลด็อกในสมัยก่อน มีรูปร่างใหญ่โตกว่าบลูด็อกในปัจจุบันมาก และถูกฝึกมาเพื่อให้มีความก้าวร้าวโดยเฉพาะ ซึ่งสายพันธุ์นี้เรียกว่า ‘Old English Bulldog’ ที่ปัจจุบันสูญพันธุ์ไปหมดแล้ว
ในช่วงศตวรรษที่ 19 ผู้เพาะพันธุ์สุนัขในอังกฤษเริ่มมีการผสมพันธุ์สายพันธุ์บูลด็อก และ ‘เทอร์เรียร์ (Terrier) (สุนัขล่าเนื้อขนาดเล็กของอังกฤษ) ’ เข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้สุนัขสายพันธุ์ใหม่ที่มีความแข็งแกร่งกว่าเดิม ผลก็คือการกำเนิดใหม่ของสุนัข 2 สายพันธุ์ ได้แก่ ‘สแตฟเฟอร์ดไชร์ บูล เทอร์เรียร์ (Staffordshire Bull Terrier) ’ และ ‘บูลเทอร์เรีย (Bull Terrier)’
โดยเมื่อสายพันธุ์ ‘สแตฟฟอร์ดเชียร์ บูล เทอร์เรีย’ ถูกส่งไปยังแผ่นดินสหรัฐฯ จึงเป็นที่รู้จักในชื่อ ‘พิตบูล (Pitbull) ’ หรือ ‘อเมริกันพิตบูล เทอร์เรีย (American PitBull Terriers) ’ โดยบทบาทของพวกมันคือ ใช้ในการต่อสู้กับสัตว์อื่นๆ เช่น วัวกระทิง หรือสุนัขตัวอื่นๆ
ถึงแม้สุนัขสายพันธุ์พันธุ์พิตบูล จะถูกมองว่ามาจากการผสมของสุนัขสายพันธุ์อังกฤษ แต่ด้วยลักษณะเด่นของสายพันธุ์นี้ที่มีทั้ง ความแข็งแกร่ง หัวโต ขากรรไกรกว้าง รักเจ้าของ และมีนิสัยกล้าหาญสู้จนตัวตาย เหมือนกับ ‘โมลอสเซอร์’ บรรพบุรุษของพวกมันในกรีซที่สูญพันธุ์ไปหมดแล้ว จึงทำให้พิตบูลเป็นสายพันธุ์นักสู้ที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ และได้รับความนิยมไปทั่วสหรัฐฯ
เมื่อโลกเข้าสู่ยุคใหม่ที่มีการตระหนักถึงสวัสดิภาพสัตว์มากขึ้น หลายประเทศจึงยกเลิกกีฬาที่ทารุณกรรมสัตว์ ในปี 1976 สหรัฐฯ ออกกฎหมายห้ามใช้สุนัขต่อสู้ในกีฬาทุกประเภท ทำให้บทบาทของพิตบูลเปลี่ยนไป มีหน้าที่ในบ้านเป็นหลัก โดยเป็นผู้ปกป้องครอบครัวและเฝ้าปศุสัตว์ในฟาร์ม ทำให้นิสัยของพิตบูลเป็นสุนัขที่รักสงบมากขึ้น แต่ก็ยังคงมีความก้าวร้าวเมื่อถูกกระตุ้น หรืออยู่ในภาวะเครียด
เมื่อสายพันธุ์พิตบูลเป็นที่ต้องการในหลายครอบครัว นักพัฒนาสายพันธุ์สุนัขในสหรัฐฯ จึงต้องการสุนัขสายพันธุ์ใหม่ที่มีความเชื่องกว่า พิตบูล ปี 1980 จึงมีการนำ ‘อเมริกันพิตบูล เทอร์เรีย’ มาผสมกับ ‘อเมริกัน สแตฟฟอร์ดเชียร์ เทอร์เรีย (American Staffordshire Terrier)’ รวมถึงสุนัขสายพันธุ์ระดับสูงอื่นๆ จนออกมาเป็น สายพันธุ์ ‘อเมริกันบูลลี่ (American Bully) ’ ที่มีร่างกายบึกบึน แข็งแรง แต่เป็นมิตรและเหมาะกับเลี้ยงในครอบครัวมากกว่าสายพันธุ์พิตบูล
สุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่ ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการในปี 2004 โดย American Bully Kennel Club (ABKC) ซึ่งเป็นองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมและดูแลมาตรฐานของสายพันธุ์นี้โดยเฉพาะ สายพันธุ์นี่จึงเหมือนยักษ์ใจดีที่เพิ่งก้าวเข้าสู่วงการสัตว์เลี้ยงไม่นาน แต่ก็เป็นที่นิยมไปทั่วโลก เพราะพวกมันยังคงความสามารถในการทำสิ่งต่างๆ มากมายเหมือนกับสายพันธุ์ญาติ
อย่างไรก็ตาม ความก้าวร้าวในสุนัขตระกูลบูลลี่ทั้งหมด ก็ยังเป็นที่ถกเถียงถึงความคาดเดาไม่ได้ และจากข่าวที่มีคนถูกสายพันธุ์พิตบูลกัดจนเสียชีวิตทุกปี จึงทำให้เกิดกระแสหวาดกลัวในพวกมันมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นผู้ที่จะเลี้ยง สุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่ และสายพันธุ์อื่นๆ ในตระกูลของมันต้องมีความรับผิดชอบสูงอย่างยิ่ง
ในกรณีของอเมริกันบูลลี่ ถึงจะเป็นมิตรมาก แต่พวกมันก็มีสัญชาติระวังภัยชั้นดีและต้องการพื้นที่แสดงพลัง จึงต้องการเลี้ยงอย่างเหมาะสมดังนี้
ที่มา : American Bully Lover, THAIPEDIGREE
ข่าวที่เกี่ยวข้อง