svasdssvasds

รู้จักไวรัส SIMIAN FLU แห่งพิภพวานร โรคร้ายเหมือน ‘ฝีดาษลิง’ ในโลกความจริง ?

รู้จักไวรัส SIMIAN FLU แห่งพิภพวานร โรคร้ายเหมือน ‘ฝีดาษลิง’ ในโลกความจริง ?

‘โรคฝีดาษลิง (Monkeypox)’ ที่กำลังระบาดอยู่ทั่วโลกตอนนี้ ทำให้นึกถึงโรคจากลิงอีกตัวหนึ่งที่ ซึ่งมีชื่อว่า ‘SIMIAN FLU’ ไวรัสจากหนังแฟรนไชส์ชื่อดัง ‘พิภพวานร’ ที่ทำลานมนุษยชาติสำเร็จมาแล้ว

SHORT CUT

  • ‘SIMIAN FLU’ ในไตรภาค Planet of the Apes ฉบับรีบูต เป็นไวรัสไข้หวัด ที่ถูกสร้างขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์ เมื่อติดมนุษย์จะทำให้สูญเสียสติปัญญา 
  • ‘โรคฝีดาษลิง’ เกิดขึ้นตามธรรมชาติ พบในแอฟริกา แต่ก็มีทฤษฎีแนวสมคบคิดขึ้นมาว่า ฝีดาษลิงก็เหมือนโควิด-19 ที่ถูกตั้งใจปล่อยออกมาสู่โลก เพื่อใช้เป็นอาวุธชีวภาพ
  • ‘โรคฝีดาษลิง’ จะไม่อันตรายเหมือนเชื้อโรค ‘SIMIAN FLU’ จากหนังไซไฟ แต่อดคิดเล่นๆ ไม่ได้ว่า หากมนุษย์ยังใช้ลิงเป็นสัตว์ทดลองทำยาอยู่เรื่อยๆ ไม่แน่ในอนาคตก็อาจมีโรคระบาดชนิดใหม่จากลิงที่หลุดออกจากห้องแล็บจริงๆ เกิดขึ้นก็ได้?

‘โรคฝีดาษลิง (Monkeypox)’ ที่กำลังระบาดอยู่ทั่วโลกตอนนี้ ทำให้นึกถึงโรคจากลิงอีกตัวหนึ่งที่ ซึ่งมีชื่อว่า ‘SIMIAN FLU’ ไวรัสจากหนังแฟรนไชส์ชื่อดัง ‘พิภพวานร’ ที่ทำลานมนุษยชาติสำเร็จมาแล้ว

‘โรคฝีดาษลิง (Monkeypox)’ ที่กำลังระบาดอยู่ทั่วโลกตอนนี้ ทำให้นึกถึงโรคจากลิงอีกตัวหนึ่งที่ ทำลายล้างมนุษยชาติสำเร็จมาแล้ว แต่โชคดีที่มันเกิดขึ้นในโรคภาพยนตร์เท่านั้น ซึ่งมีชื่อว่า ‘SIMIAN FLU’ ไวรัสจากหนังแฟรนไชส์ชื่อดัง ‘พิภพวานร’

Rise Of The Planet Of The Apes  2011 PHOTO : Ares Ryo

ไวรัสลิงจาก 'พิภพวานร' คืออะไร ?

‘SIMIAN FLU’ ในไตรภาค Planet of the Apes ฉบับรีบูต เป็นไวรัสไข้หวัด ที่ถูกสร้างขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์ของ Gen-Sys บริษัทด้านเทคโนโลยีชีวภาพ เพื่อต้องการให้ไวรัสดังกล่าวเป็นเซรั่มที่ฉีดเข้าไปในตัวมนุษย์ โดยหวังว่ามันจะรักษาโรคอัลไซเมอร์ เพราะหลังจากทดลองกับชิมแปนซี พบว่าพวกมันมีสติปัญญาที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และชิมแปนซีกับมนุษย์ก็มีดีเอ็นเอร่วมกันถึง 98 % มันจึงควรได้ผลกับมนุษย์ด้วย

โดยไวรัสแรกคือ ALZ-112 ซึ่ง ‘วิลล์ ร็อดแมน’ เจ้าของชิมแปนซี ‘ซีซาร์’ (พระเอกของ Rise of the Planet of the Apes 2011) ได้นำมาใช้กับพ่อของเขา ซึ่งปรากฏว่าเขาทำให้พ่อหายจากอาการอัลไซเมอร์ได้ในช่วงแรก แต่หลังจากนั้นไม่นานโรคสมองเสื่อมก็กลับมา และพ่อของร็อดแมนก็กลับมาป่วยอีกครั้ง

แต่ร็อดแมน ไม่ยอมแพ้ เขาพัฒนาไวรัสให้ทรงพลังยิ่งขึ้น และตั้งชื่อว่า ALZ-113 ซึ่งคราวนี้ไม่ได้ฉีดเข้ากระแสเลือด แต่มาในแบบของก๊าซ และเอาไปทดสอบกับชิมแปนซีที่ชื่อ ‘โคบา’ ก่อนพบว่าได้ผลที่น่าพอใจและทำงานได้เร็วกว่ารุ่นก่อน แต่เมื่อเข้าสู่ร่างกายคน เขาก็พบว่ามันทำงานล้มเหลวเช่นเคย แถมทำให้คนเสียชีวิตอีกด้วย

รู้จักไวรัส SIMIAN FLU แห่งพิภพวานร โรคร้ายเหมือน ‘ฝีดาษลิง’ ในโลกความจริง ?

แม้ว่าไวรัส ALZ-113 จะเป็นอันตรายต่อมนุษย์ แต่มันกลับทำให้ลิงฉลาดขึ้นอย่างก้าวกระโดด และในไม่ช้ามันก็แพร่กระจายไปทั่วโลก ผ่านผู้ติดเชื้อที่เดินทางด้วยเครื่องบินไปทั่วโลก จนมีอย่างเป็นทางการว่า ‘Simian Flu’ ที่เกือบทำมนุษย์สูญพันธ์ุ เหลือเพียงผู้ที่มีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติหยิบมือเดียวเท่านั้นที่รอดมาได้

Kingdom of the Planet of the Apes 2024

ยิ่งไปกว่านั้นผลข้างเคียงของมันยังกลายพันธุ์จนทำให้มนุษย์สูญเสียสติปัญญา พูดไม่ได้ และกลายเป็นสัตว์ป่าที่ใช้ชีวิตตามสัญชาตญาณ ส่วนลิงขึ้นมาครองโลกแทน เหมือนที่เราเห็นในภาพยนตร์

ฝีดาษลิงก็ค้นพบในห้องแล็บ?

ออกจากโลกภาพยนตร์ กลับมาดู ‘โรคฝีดาษลิง’ ในโลกความจริงกันบ้าง โดยต้นกำเนิดของไวรัสชนิดนี้ ต้องย้อนกลับไปในทศวรรษ 1950 ที่โลกกำลังหาทางต่อสู้กับไวรัสโปลิโออย่างจริงจัง ยุโรปและอเมริกาเหนือจึงต้องการกองทัพลิงเพื่อการทดสอบยา แต่มีการพบลิงป่วยเป็นโรคประหลาดในแล็บของเดนมาร์กในปี 1958 ซึ่งมันถูกส่งมาจากมาเลเซีย นักวิทยาศาสตร์จึงตั้งชื่อโรคนี้ว่า ‘Monkeypox’ หรือ ‘โรคฝีดาษลิง’ และระหว่างปี 1958 ถึง 1968 เกิดการระบาดของโรคฝีดาษลิงหลายครั้งในกลุ่มลิงจากห้องทดลอง และในที่สุดก็ระบาดมาสู่มนุษย์

ในช่วงปีหลังๆ มานี้ที่ฝีดาษลิงระบาดไปทั่วโลก จึงทำให้มีทฤษฎีแนวสมคบคิดขึ้นมาว่า ฝีดาษลิงก็เหมือนโควิด-19 ที่ถูกนักวิทยาศาสตร์สร้างขึ้นมา แถมยังตั้งใจปล่อยออกมาสู่โลก เพื่อใช้เป็นอาวุธชีวภาพ

ภาพไวรัส

แต่ทฤษฎีนี้ก็ถูกหักล้าง เพราะเมื่อสืบย้อนกลับไปในปี 1970 มีการพบโรคฝีดาษลิงในมนุษย์เป็นครั้งแรกที่สาธารณรัฐซาอีร์ ปัจจุบันคือสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ซึ่งเป็นโลกที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และลิงในแอฟริกา 7 สายพันธุ์ก็มีแอนติบอดีต่อโรคฝีดาษลิง ส่วนลิงจากเอเชียที่ติดเชื้อในปี 1958 ก่อนหน้านี้ คาดว่ามันติดมาจากลิงแอฟริกาที่อยู่ในกรงใกล้กันมากกว่าจะติดเชื้อมาจากเอเชีย

ส่วนเหตุผลที่มันแพร่ระบาดไปทั่วโลก ก็มีคำตอบที่เรียบง่าย นั่นเพราะการค้าและการเดินทางระหว่างประเทศที่เกิดขึ้นในโลกสมัยใหม่อยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้โรคฝีดาษลิงแบ่งเป็น 2 ประเภทหลักคือๆ Clade 1 และ Clade 2 ที่แตกต่างกันดังนี้

สายพันธ์ุโรคฝีดาษลิง ? 

  • Clade 1 ทำให้เกิดอาการป่วยและมีโอกาสเสียชีวิตสูงถึง 10% แม้ว่าการระบาดที่เกิดขึ้นล่าสุด เป็นโรคประจำถิ่นในแอฟริกากลางไปแล้ว
  • Clade 2 เป็นสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดการระบาดทั่วโลกในปี 2022 แต่เป็นเชื้อที่ไม่รุนแรงมากนัก เป็นโรคประจำถิ่นในแอฟริกาตะวันตก

โดยเชื้อทั้ง 2 ประเภทนี้ สามารถติดได้จาก การสัมผัสอย่างใกล้ชิดกับผู้ป่วย และสัตว์ที่เป็นพาหะ ซึ่งกลุ่มสัตว์ฟันแทะอย่างกระรอกและหนู สามารถติดเชื้อชนิดนี้ได้ แต่จะมีคนเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่สามารถติดเชื้อผ่านละอองฝอยขนาดใหญ่ แต่ก็ไม่แน่ เพราะในอนาคตมันอาจกลายพันธุ์รุนแรงไปอีกขั้น

อาการโรคฝีดาษลิง ? PHOTO AFP

อาการโรคฝีดาษลิง ?

สำหรับอาการ โรคฝีดาษลิง เท่าที่ทราบตอนนี้ ผู้ป่วย จะมีไข้ ไข้สูง ปวดตัว ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ปวดกระบอกตา และต่อมน้ำเหลืองโตทั่วร่างกาย หากตรวจเจอต้องรีบแยกตัวจากผู้อื่น ซึ่งโรคนี้สามารถหายได้เองเมื่อเวลาผ่านไป แต่ท้าอาการรุนแรงต้องกินยาตามอาการ

เวลานี้องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศให้ ‘โรคฝีดาษลิง’ เป็นภาวะฉุกเฉิน ทั่วโลกต้องยกระดับการป้องกัน เพราะสถานการณ์ในแอฟริกาปีนี้ถือว่าวิกฤต เพราะมีผู้เสียชีวิตแล้ว หลายร้อยคน แถมในหลายประเทศทั่วโลกก็เริ่มพบผู้ติดเชื้อแล้ว ดังนั้นจึงไม่ใช่ปัญหาของชาวแอฟริกา แต่เป็นปัญหาของคนทั้งโลก

แม้ ‘โรคฝีดาษลิง’ จะไม่อันตรายเหมือนเชื้อโรค ‘SIMIAN FLU’ จากหนังไซไฟ ‘พิภพวานร’ แต่ทั้งสอง ก็เป็นโรคร้ายจากคนสู่ลิงเหมือนกัน จึงอดคิดเล่นๆ ไม่ได้ว่า หากมนุษย์ยังใช้ลิงเป็นสัตว์ทดลองทำยาอยู่เรื่อยๆ ไม่แน่ในอนาคตก็อาจมีโรคระบาดชนิดใหม่จากลิงที่หลุดออกจากห้องแล็บจริงๆ เกิดขึ้นก็ได้?

ที่มา : gamerantTimes of India/ CDC 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

related