"แอปฯTEMU" จากจีน อาจทำลายล้าง SMEs ไทยตายเกลี้ยง 100% หากรัฐไม่เร่งสกัด

เรียกว่าเป็นประเด็นร้อนฉ่าในตอนนี้ที่ใครๆก็ต่างจับตามองอย่างใกล้ชิด เรื่องการเข้ามาของ แอปพลิเคชั่น TEMU ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจากจีน ทำให้ธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง มีความกังวลว่าจะถูกสินค้าราคาถูกจากจีนเข้ามาตีตลาดไทย และไม่สามารถแข่งขันได้ ล่าสุด รศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช นักวิชาการอิสระ และผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ #สปริงนิวส์ ว่า การเข้ามาของ แอปพลิเคชั่นTEMU ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซระดับโลก จากจีนแผ่นดินใหญ่

คุณพระ! สินค้าจีนถูกกว่าไทย 90%

โดยส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงในวงการอีคอมเมิร์ซอย่างมาก ซึ่งนับว่าเป็นความท้าทายสำหรับผู้ประกอบการไทย และจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อธุรกิจขนาดเล็ก หรือ SMEs ดังนั้นรัฐบาลต้องหาแนวทางรับมืออย่างเร่งด่วนทั้งนี้เชื่อว่า TEMU เข้ามาตีตลาดในไทยอย่างเต็มรูปแบบจะทำให้ผู้ประกอบการรายเล็กของไทยปิดกิจการจำนวนมาก เพราะไม่สามารถแข่งขันเรื่องราคาได้ เพราะ TEMU จำหน่ายสินค้าในราคาที่ถูกมาก ถูกกว่าสินค้าไทยถึง 90% เช่นกางเกงยีนส์ ราคา 100 บาท ซึ่งราคาถูกกว่าร้านค้า E-Commerce ไทยอย่างมาก โดยมองว่า การเข้ามาของ TEMU เท่ากับโรงงานจีนมาตั้งในไทย และนำสินค้าราคาถูกมาตีตลาด

แอปพลิเคชั่น TEMU บุกแล้ว 50 ประเทศทั่วโลก

สำหรับแอปพลิเคชั่น TEMU ได้เข้ามาตีตลาดโดยการนำสินค้าจีนราคาถูกออกไปจำหน่ายทั่วโลกแล้ว กว่า 50 ประเทศทั่วโลก โดยล่าสุดเป็นคิวของประเทศไทยที่ถูกจีนเข้ามาตีตลาด ทั้งนี้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตีตลาดไปแล้วหลายประเทศ เช่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ส่วนประเทศอินโดนีเซีย ประเทศที่มีประชากรจำนวนมาก เป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของแอปพลิเคชั่น TEMU แต่รัฐบาลอินโดนีเซีย สามารถรับมือด้วยการ

• เก็บภาษีนำเข้าที่สูง
• ห้ามแอปพลิเคชันต่างชาติ จำหน่ายสินค้าราคาต่ำกว่า 1-3,000 บาทในประเทศ
• ออกกฎหมายพิเศษเพื่อปกป้องธุรกิจ SMEs

ถอดบทเรียนอินโดนีเซียออกกฎเข้ม จน TEMU ยกธงขาว

“อินโดนีเซียถือว่าเป็นประเทศที่ออกกฎหมายมาปกป้องธุรกิจขนาดเล็กบ้านเขาได้อย่างดี สุดท้ายแอปพลิเคชั่น TEMU ก็ไม่สามารถเข้าไปตีตลาดได้ ในส่วนของไทยหลายฝ่ายก็สงสัยว่าหากเราออกกฎแรงในการแบน TEMU จากจีน อาจจะไปผิดกฎการค้าที่ตกลงร่วมกันใน WTO หรือไม่ ประเด็นนี้ตอบได้เลยอินโดนีเซียทำได้ เราก็ต้องทำได้ เพราะจีนเข้ามาแทรกแซงกิจกรรมภายในประเทศของเราสามารถกระทำได้”

กระทุ้งรัฐรับมือ หากทำไม่ได้ขาดดุลการค้า 2 ล้านล้านบาท

อย่างไรก็ตามมองว่าหากรัฐบาลไทยไม่เร่งหาทางรับมือแอปพลิเคชั่น TEMU จะทำให้ไทยขาดดุลการค้ากับจีนต่อปี เพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านล้านบาท จากปัจจุบันไทยขาดดุลการค้า 1.4 ล้านล้านบาท นับว่าเป็นการขาดดุลการค้ามหาศาล พร้อมกันนี้ได้ประเมินว่าหากรัฐไม่ทำอะไร จะทำให้เศรษฐกิจไทยต้องพึ่งพิงทุนจีนที่เข้ามาลงทุนเพิ่มมากขึ้น 20 % จากเดิมมีเพียง 15 % นอกจากนี้ยังมีความกังวลเรื่องกฎหมายการให้ต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปี ตามกฎหมายทรัพย์อิงสิทธิ และให้ถือครองคอนโด 75% ว่าจะมีนักลงทุนต่างชาติมาถือครองธุรกิจไทยมาขึ้น และธุรกิจขนาดเล็กตายเรียบ

เปิดธุรกิจเสี่ยงที่อาจถูกทุนจีนฮุบ

สำหรับธุรกิจที่เสี่ยงถูกทุนจะฮุบกิจการ หรือเทคโอเวอร์ มีดังต่อไปนี้

• เกษตร อุตสาหกรรม
• ขนส่ง โลจิสติกส์
• ธุรกิจค้าปลีก ค้าส่ง
• จัดหางาน ที่ปรึกษา
• สถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัย
• ปั๊มน้ำมัน
• ธุรกิจออนไลน์ E-Commerce

นับว่าเป็นโจทย์ใหญ่ที่รัฐบาลต้องเร่งเข้ามาแก้ไขปัญหาแอปพลิเคชั่น TEMU นำสินค้าราคาถูกจากจีนมาตีตลาดไทย ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้หารือร่วมกับ 8 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดูผลกระทบ ทั้งต่อผู้บริโภคและผู้ประกอบการ ว่าสินค้าที่ส่งเข้ามาได้มาตรฐานหรือไม่ รวมทั้งการจัดเก็บภาษี เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขัน และไม่เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจไทย ควบคู่กับการพัฒนาศักยภาพ SME ไทย ให้เข้าถึงตลาดใหม่ โดยเฉพาะการบุกเข้าตลาดจีน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• นายกฯ บุกสน.ห้วยขวาง กำชับตำรวจปราบ "ทุนจีนสีเทา-หนี้นอกระบบ-ยาเสพติด"

• แกะรอย "แคดเมียม" จากตาก สมุทรสาคร ถึงชลบุรี โดยมี "ทุนจีน" อยู่เบื้องหลัง

• จนท.สนธิกำลังค้น 5 จุด 8 บริษัทพร้อมยึดทรัพย์สิน “ตู้ห่าว” กลุ่มทุนจีนสีเทา