svasdssvasds

แอปจีน 'Temu' กระทบธุรกิจรายย่อยไทย พาณิชย์เตรียมพิจารณาเก็บภาษี

แอปจีน 'Temu' กระทบธุรกิจรายย่อยไทย พาณิชย์เตรียมพิจารณาเก็บภาษี

ภูมิธรรม ยอมรับ แอปฯ ‘TEMU’ จากจีน กระทบธุรกิจรายย่อยของไทย เตรียมพิจารณาเก็บภาษี หาแนวทางป้องกัน และขอให้มั่นใจในกระทรวงพาณิชย์

วันที่ 13 ส.ค. 67 นาย ‘ภูมิธรรม เวชยชัย’ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก ‘Phumtham Wechayachai’ ถึงประเด็น แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามชาติ มีทั้งโอกาสและความท้าทาย ว่าการเข้ามาของ TEMU ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซระดับโลก ในประเทศไทยถือเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจและสร้างความเปลี่ยนแปลงในวงการอีคอมเมิร์ซอย่างมาก ขณะเดียวกันก็ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) เนื่องจาก TEMU เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพในการแข่งขันสูง ซึ่งผมคิดว่าเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายสำหรับผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะกับผู้ประกอบการ SME

นี่คือ แนวโน้มและทิศทางการค้าของโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงซึ่งเราจะต้องทำความเข้าใจ รู้ทัน และ ปรับตัว ในยุคที่เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ

แอปจีน

การเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการค้าใหม่โดยเฉพาะ e-commerce ได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อธุรกิจขนาดเล็ก (SMEs) การปรับตัวเพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นความตระหนักที่ธุรกิจขนาดเล็กต้องให้ความสำคัญเพื่อความอยู่รอดและการเติบโตในตลาดที่มีการแข่งขันสูงขึ้น

ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมีบทบาทหลักในการกำกับดูแลและส่งเสริมการค้าออนไลน์ให้มีความเป็นธรรมและยั่งยืนในภาพรวมทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มใดๆ ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ไม่ได้นิ่งนอนใจ เราได้จัดประชุมร่วมกับตัวแทนจาก กระทรวงการคลัง, กระทรวงดิจิทัลฯ, กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงสาธารณสุข, กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI), สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI), สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.), สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) เพื่อหารือและพิจารณาถึงผลกระทบของผู้บริโภค และผู้ประกอบการ จาก E – Commerce ทุก platform โดยเฉพาะสินค้าที่ส่งเข้ามานั้นว่าได้มาตรฐานตามข้อกำหนดทางกฎหมายของประเทศไทยหรือไม่ อาทิ มาตรฐาน มอก. มาตรฐานของ อย. เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการนำเข้าสินค้าที่ไม่มีคุณภาพหรือเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค

รวมทั้ง ยังพิจารณาถึง การจัดเก็บภาษีอีคอมเมิร์ซ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขัน โดยการกำหนดนโยบายการจัดเก็บภาษีที่เหมาะสมสำหรับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามชาติ เพื่อให้บริษัทเหล่านี้เสียภาษีอย่างถูกต้องและไม่เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ

นอกจากนี้ สิ่งที่จะต้องดำเนินการควบคู่กัน คือการส่งเสริมและสนับสนุน SME ทั้งการพัฒนาศักยภาพ การสนับสนุนการเข้าถึงตลาดใหม่โดยสร้างช่องทางการตลาดใหม่ ซึ่งขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ในการบุกตลาดใหญ่อย่างประเทศจีน เพื่อสร้างโอกาสทางการค้าให้กับผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะ SME อาทิ การจัดมหกรรม Live – Commerce ในช่วงเดือนกันยายน โดยให้ Influencer จากต่างประเทศ เข้ามาคัดเลือกสินค้าไทย นำไปจัด Live เพื่อขายสินค้าจากประเทศไทยไปยังผู้บริโภคในประเทศจีน ซึ่งขณะนี้ได้มีการสำรวจสินค้าไทยซึ่งเป็นที่ต้องการของคนจีนจำนวนกว่า 500 รายการสินค้า เพื่อทำการซื้อขายดึงเม็ดเงินจากการส่งออกสินค้าเข้าสู่ประเทศ โดยมีเป้าหมายครั้งนี้ อยู่ที่ประมาณมากกว่า 1,500 ล้านบาท

การค้าของโลกในปัจจุบันกำลังปรับเปลี่ยน ผมคิดว่าเมื่อเราต้องเป็นส่วนหนึ่งที่ต้องอยู่ในคลื่นของการเปลี่ยนแปลง จำเป็นต้องมีมาตรการคุ้มครองตนเอง ควบคู่ไปกับการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการให้อยู่ในสถานะที่มีความสามารถแข่งขันได้ หลีกเลี่ยงมาตรการตอบโต้แต่มุ่งแสวงหาความร่วมมือ อันน่าจะเป็นแนวทางที่เหมาะสมสำหรับการค้าในโลกปัจจุบัน

การเข้ามาของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามชาติต่างๆ ในประเทศไทยนั้นรัฐบาลกำลังเร่งออกมาตรการเพื่อช่วยปกป้องดูแลภาคธุรกิจไทย และพิจารณา ให้ครอบคลุมเพื่อรับมือกับผลกระทบและส่งเสริมโอกาสที่เกิดขึ้น เพื่อการสร้างความสมดุลระหว่างการคุ้มครองผู้บริโภค การสนับสนุน SME และการส่งเสริมการค้าเสรีและนวัตกรรม ซึ่งจะช่วยให้การเข้ามาของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามชาติเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมไทยในระยะยาว

“ขอให้มั่นใจ รัฐบาล โดยกระทรวงพาณิชย์ จะเร่งประสานทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเร่งด่วนที่สุด”

 

ภูมิธรรม เวชยชัย

รองนายกรัฐมนตรี

และรมว.พาณิชย์

13 สิงหาคม 2567

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

related