SHORT CUT
โดนลอบสังหารแล้วไม่ตาย เขาจะกลายผู้นำยิ่งใหญ่ขึ้น เพราะพระเจ้าเคียงข้าง? กรณี 'โดนัลด์ ทรัมป์' และ 'อดอล์ฟ ฮิตเลอร์'
หาก ‘โทมัส แมทธิว ครุกส์’ มือปืนวัย 20 ปี ลั่นกระสุนสังหาร ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ กลางเวทีปราศรัย ที่รัฐเพนซิเวอร์เนีย ได้สำเร็จในวันที่ 13 ก.ค. 2024 ผู้เชี่ยวชาญการเมืองในสหรัฐเชื่อว่า จะเกิดจลาจลเต็มรูปแบบแน่นอน เพราะกองทัพแฟนๆ ของอดีตประธานาธิบดีผู้นี้ คงออกมาเดินขบวนบนท้องถนนด้วยความโกรธแค้น จากการที่ฮีโร่ของพวกเขาถูกลอบสังหารอย่างชั่วร้าย
แต่ในเมื่อมือปืนล้มเหลว ทรัมป์ แค่บาดเจ็บที่ใบหู และยังชูกำปั้นคู่กับธงชาติสหรัฐฯ ออกสื่อ จนเป็นภาพที่แชร์กันไปทั่ว ซึ่งการที่เขารอดตายมาได้อย่างปาฏิหาริย์นั้น ทำให้รัศมีความเป็นนักสู้ของเขาเปล่งประกายมากขึ้น และคะแนนนิยมของเขาก็เพิ่มขึ้นเหนือคู่แข่งยิ่งกว่าเดิม เช่นเดียวกับครั้งประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ที่รอดตายจากการลอบสังหารในปี 1981
ยิ่งไปกว่านั้น หลังทรัมป์รอดตายจากมือสังหาร เขายังเชื่อว่าเป็นเพราะพรจากพระเจ้าที่ช่วยปกป้องเขาจากภัยอันตราย ก็ยิ่งทำให้ผู้สนับสนุนเขาเชื่อว่า ทรัมป์ คือคนที่พระเจ้าเลือกมาให้ทำหน้าที่อันยิ่งใหญ่เพื่ออเมริกา โดยเฉพาะกับกลุ่ม National Association of Evangelicals ที่ชาวคริสเตียนผิวขาวส่วนใหญ่ นิยมตัวแทนจากพรรคริพับลิกัน
ทั้งนี้ น่าสนใจตรงที่ไม่ใช่ทรัมป์คนเดียวที่หลังรอดตาย แล้วอาจกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม เพราะผู้นำหลายคนในอดีต หลังรอดตายก็เกิดความมั่นใจ คิดว่าพระเจ้าอยู่เคียงข้าง และกลายมาเป็นคนใหม่ที่มุ่งมั่นมากกว่าเดิมเช่นกัน
ยกตัวอย่างที่เห็นภาพชัดที่สุด คงหนีไม่พ้น ‘อดอล์ฟ ฮิตเลอร์’ผู้นำเผด็จการเยอรมนี ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยในปี 1944 ช่วงที่กองทัพเยอรมนีพ่ายแพ้กองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรในทุกแนวรบ ความพ่ายแพ้ของเยอรมนีก็อยู่ไม่ไกล จึงทำให้ภาพของ ‘ฮิตเลอร์’ ไม่ใช่ผู้นำที่ดูยิ่งใหญ่เหมือนช่วงต้นสงครามอีกแล้ว แต่เมื่ อ พันเอกเคลาส์ ฟอน ชเตาเฟนแบร์ก (Claus von Stauffenberg) เปิดปฏิบัติการวัลคีรี (Operation Valkyrie) เพื่อลอบสังหารฮิตเลอร์ขณะวางแผนการรบ ที่ ‘รังหมาป่า’ ศูนย์บัญชาการรบในประเทศโปแลนด์ ก็ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป
เพราะการลอบสังหารล้มเหลว ชเตาเฟนแบร์กและพรรคพวกถูกประหาร ส่วน ฮิตเลอร์ รอดตายหวุดหวิดจากเหตุลอบวางระเบิดในห้องวางแผนการรบ โดยเขาแค่กางเกงขาดและแก้วหูทะลุ แต่เขาก็ยังมีชีวิตอยู่ ส่วนนายทหารระดับสูงรอบตัวเขาต่างกบาดเจ็บกันถ้วนหน้า ซึ่งเหตุการณ์นี้ ทำให้ผู้สนับสนุนของเขามีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเขาจะชนะสงคราม รวมถึงตัวฮิตเลอร์เองก็มีความเชื่อว่า เบื้องบนอยู่เคียงข้างเขา
ไม่แปลกที่ฮิตเลอร์จะเชื่อแบบนั้น เพราะก่อนปฏิบัติการวัลคีรี เขาถูกลอบสังหารมาแล้ว 5 ครั้ง ตลอดช่วงที่เขาอยู่ในอำนาจ แต่เขาก็รอดมาได้ทุกครั้ง ฮิตเลอร์จึงเชื่อว่าเขาถูกมอบหมายหน้าที่จากหระเจ้า ให้เขานำชาติเยอรมนีไปสู่ความยิ่งใหญ่ แม้ท้ายที่สุด เขาและประเทศชาติจะบลงที่ความพ่ายแพ้แบบแทบไม่เหลืออะไรเลยก็ตาม
หากย้อนกลับมาที่ สหรัฐฯ อดีตประธานาธิบดีพรรครีพับลิกัน ธีโอดอร์ โรเซอเวลต์ ก็เคยถูกลอบสังหารในปี 1912 ขณะหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ที่ เมืองมิลวอกี รัฐวิสคอนซิน โดยเขาถูก ‘จอห์น ชแรงก์ (John Schrank)’ อพยพชาวเยอรมันที่มีอาการทางจิต ยิงกระสุนปืนใส่หน้าอก ซึ่งโชคดีที่กระสุนนั้นลดแรงลงเมื่อทะลุกล่องแว่นตาโลหะของโรสเวลต์ และกระดาษสุนทรพจน์ 50 หน้า ที่เขาเก็บไว้บนหน้าอก ทำให้เรารอดตาย แต่กระสุนก็ได้ฝังอยู่บนหน้าอก และทำให้เขามีเลือดไหลออกมามาก
น่าแปลกใจที่ โรเซอเวลต์ ปฏิเสธที่จะเข้ารับการรักษาพยาบาลทันที แต่เลือกกล่าวสุนทรพจน์ต่อไปอีกกว่า 1 ชั่วโมง โดยที่กระสุนยังอยู่ในตัวเขา แม้ว่าความกล้าหาญของเขาจะดูยิ่งใหญ่กว่าภาพชูกำปั้นของทรัมป์เมื่อวันที่ 14 ก.ค. แต่ก็ไม่ได้ทำให้โรเซอเวลต์ ได้ตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งครั้งนั้น แต่นั่นก็ช่วยเสริมสร้างชื่อเสียงของเขาในฐานะประธานาธิบดีที่แสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณเลือดนักสู้ของอเมริกา
ทั้งนี้ หลังจากที่ทรัมป์รอดตายจากการลอบสังหารครั้งนี้ เขาอาจรวบรวมจิตวิญญาณของชาวอเมริกาให้เป็นหนึ่งเดียวได้ และผลนั้นอาจนําพาให้เขากลับสู่ทำเนียบขาวอย่างผู้ชนะได้ไม่ยาก เพราะการที่เขามีชีวิตรอดมาได้ ตอกย้ำภาพการเป็นผู้นำที่เหนือมนุษย์ และสาวกทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่าก็พร้อมจะสนับสนุนเขา เพราะเชื่อว่าเขาได้รับเลือกจากเบื้องบนจริงๆ หรือมองว่าเขาเป็นยอดผู้นำ ตามแนวคิดแบบ Cult leader และถ้าทรัมป์ทำให้อเมริกายิ่งใหญ่ได้กว่าเดิม จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการลอบสังหารที่ล้มเหลวจะไม่ใช่เรื่องโชคร้ายเหมือนกรณีของฮิตเลอร์ แต่เป็นพระเจ้าช่วยอเมริกาอย่างแท้จริงต่างหาก
ถึงตรงนี้จึงสรุปได้ว่า หากสังหารผู้นำไม่สำเร็จ ราคาที่ต้องจ่าย คือทำให้ผู้นำคนนั้นยิ่งใหญ่ขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
ข่าวที่เกี่ยข้อง