กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เผยผลเฝ้าระวังไข้หวัดใหญ่ระบาดในไทย ส่วนใหญ่เป็นชนิด A (H3N2) มากที่สุด ย้ำวัคซีนมีประสิทธิภาพสามารถป้องกันได้
นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึง สถานการณ์การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ในเขตซีกโลกเหนือระบาดมากในช่วงฤดูหนาว ส่วนซีกโลกใต้ระบาดมากในฤดูฝน
สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2566 ถึงปัจจุบัน ทั่วโลกพบไข้หวัดใหญ่ชนิด A (H3N2) ไข้หวัดใหญ่ชนิด A (H1N1) pdm09 และไข้หวัดใหญ่ชนิด B (Victoria Lineage) เป็นสาเหตุของการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ผลการวิเคราะห์สารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่
สำหรับประเทศไทย สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ในปัจจุบัน พบว่าไข้หวัดใหญ่ ชนิด A (H3N2) มากที่สุด คิดเป็นสัดส่วน 38.90% รองลงมา คือ ไข้หวัดใหญ่ชนิด B (Victoria Lineage) มีสัดส่วน 37.26% และไข้หวัดใหญ่ A(H1N1) pdm09 มีสัดส่วน 23.84% ตามลำดับ
จากการวิเคราะห์สายพันธุ์ของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ในประเทศไทย (1 ตุลาคม 2566 - พฤษภาคม 2567) ด้วยการประยุกต์ใช้เทคนิค Whole genome sequencing วิเคราะห์ลำดับพันธุกรรมทั้งจีโนม และประเมินความสอดคล้องกับสายพันธุ์วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ พบว่า ส่วนใหญ่มีความสอดคล้องกับสายพันธุ์ในวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ขององค์การอนามัยโลก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าวัคซีนยังคงมีประสิทธิภาพในการป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์หลักที่กำลังระบาดในขณะนี้ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ผลการวิเคราะห์ตำแหน่งการกลายพันธุ์บนยีน Neuraminidase (NA) ของเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่พบในประเทศไทยช่วงเดือนพฤษภาคม 2567 จำนวน 35 ตัวอย่าง (อ้างอิงข้อมูลตำแหน่งการกลายพันธุ์จากองค์การอนามัยโลก ลงวันที่ 3 พฤษภาคม 2566 ไม่พบยีนบ่งชี้การดื้อยา
ทั้งนี้การเฝ้าระวังโรค การติดตามการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ไข้หวัดใหญ่มีความสำคัญและจำเป็นต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทราบอุบัติการณ์แนวโน้มการระบาดใหญ่ การกลายพันธุ์ และการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ที่ต่างไปจากเดิม เพื่อวางมาตรการการควบคุมและป้องกันโรคได้อย่างเหมาะสมและทันเหตุการณ์ และวัคซีนที่ใช้ในประเทศไทย ยังคงมีประสิทธิภาพในการป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์หลักที่กำลังระบาดในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกปี ควบคู่กับการดูแลป้องกันตนเอง ด้วยการล้างมือบ่อยๆ ไม่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไข้หวัด และหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีผู้คนแออัดและอากาศถ่ายเทไม่สะดวกเป็นเวลานาน หากสงสัยว่ามีอาการป่วย แนะนำให้สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง
ที่มา : กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง