svasdssvasds

ย้อนดู การฝึกนักรบพลังจิต ของสหรัฐฯ – รัสเซีย เรื่องจริงหรือแค่อวดอ้าง?

ย้อนดู การฝึกนักรบพลังจิต ของสหรัฐฯ – รัสเซีย เรื่องจริงหรือแค่อวดอ้าง?

การฝึกนักรบพลังจิต ของสหรัฐฯ – รัสเซีย เรื่องจริงหรือแค่อวดอ้าง? ทั้งสองชาติมหาอำนาจ หมกมุ่นอยู่กับพลังจิตขนาดไหน ?

SHORT CUT

  • พลังจิตหรือพลังงานลี้ลับ อาจไม่ใช่สิ่งงมงายที่จำกัดอยู่แค่ในกลุ่มลัทธิเท่านั้น แต่อาจเป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้ ?
  • “CIA” มีการนำคนมาฝึกพลังจิตในช่วงสงครามเย็น เพื่อใช้ในภารกิจช่วยตัวประกัน ตามหาคนร้าย และโจรกรรมข้อมูล
  • “KGB” การศึกษาเรื่อง ปรจิตวิทยา (parapsychology) จับคนมาอยู่แยกห้อง เพื่อให้ลองคุยกันผ่านกระแสจิต 

 

การฝึกนักรบพลังจิต ของสหรัฐฯ – รัสเซีย เรื่องจริงหรือแค่อวดอ้าง? ทั้งสองชาติมหาอำนาจ หมกมุ่นอยู่กับพลังจิตขนาดไหน ?

การใช้พลังจิต หรืออำนาจจากสิ่งเหนือธรรมชาติ เพื่อทำการบางอย่าง ไม่ได้จำกัดอยู่แค่คนทั่วไปที่งมงายเท่านั้น เพราะ 2 ชาติมหาอำนาจ อย่างสหรัฐฯ และรัสเซีย ก็มีข่าวลือว่ามีโครงการ ฝึกนักรบพลังจิตแบบเป็นเรื่องเป็นราวอยู่เหมือนกัน แม้จะยืนยันไม่ได้ว่าเป็นเรื่องจริงทั้งหมด แต่ก็สร้างสีสันให้กับการเมืองโลกได้ไม่น้อย

การวิจัยพลังจิตในสหรัฐฯ Photo : Global Panorama

การวิจัยพลังจิตในสหรัฐฯ

ย้อนกลับปี 1972 ในช่วงที่สงครามเย็นกำลังตึงเครียด รัฐบาลสหรัฐฯ พยายามคิดค้นอาวุธใหม่ เพื่อสร้างความได้เปรียบในสงคราม ซึ่งก็คือโครงการฝึกคนที่มีพลังจิต เพราะช่วงเวลานั้น มีรายงานว่าสหภาพโซเวียต กำลังทุ่มเงินให้กับการวิจัย พลังจิต ที่เกี่ยวข้องกับ “ประสาทสัมผัส (ESP) ” และ “จิตไคเนซิส (Psychokinesis) ” ซึ่งเป็นความสามารถในการเคลื่อนย้ายวัตถุโดยใช้แค่ความคิด เหมาะกับภารกิจจารกรรม จึงทำให้สหรัฐๆ ต้องฝึกนักรบพลังจิตของตัวเองออกมาสู้บ้าง

โดยในปีเดียวกันนั้น ทีมวิจัยลับของสหรัฐ ได้ตั้งสำนักงานวิจัยพลังจิตขึ้นที่แคลิฟอร์เนีย ซึ่งต่อมาจะเป็นที่รู้จักในชื่อ “Project Star Gate” โดยเริ่มจากเชิญ “อูริ เกลเลอร์ (Uri Geller)” อดีตพลร่มชาวอิสราเอลที่มีชื่อเสียงในด้านพลังจิต จากการดัดมีดด้วยโลหะโดยใช้คลื่นความคิด แต่ “หน่วยสืบราชการลับ CIA” สนใจในหนึ่งของเขา นั่นคือ ความสามารถในการอ่านใจคน และควบคุมจิตใจของผู้อื่นได้

“อูริ เกลเลอร์ (Uri Geller)” อดีตพลร่มชาวอิสราเอลที่มีชื่อเสียงในด้านพลังจิต ประสบความสำเร็จในอาชีพนักมายากล PHOTO TaylorHerring

โดย CIA ได้วิเคราะห์ พลังของ เกลเลอร์ ทั้งเรื่องการมองในจุดที่มองไม่เห็น การลวงข้อมูลศัตรูที่อยู่ไกลออกไป รวมถึงเอาพลังของเกลเลอร์ มาใช้ในปฏิบัติการมากมาย ตั้งแต่การค้นหาตัวประกันที่ถูกลักพาตัว ไปจนถึงการติดตามเส้นทางของอาชญากรภายในสหรัฐอเมริกาด้วย

แต่ในปี 1995 โครงการนี้ก็ไม่มีอะไรที่ประสบความสำเร็จ จึงถูกปิด และ Project Star Gate ถูกย้ายไป Fort Meade ของกองทัพสหรัฐฯ ในรัฐแมริแลนด์ และฝึกฝนผู้มีพลังจิตต่อไป

นักรบคนต่อไปที่มีชื่อเสียงคือ “โจเซฟ แม็คมอนอีเกิล (Joseph McMoneagle)” ทหารผ่านศึกจากกองทัพบกสหรัฐๆ ที่อ้างว่ามีพลังจิตและทำงานลับสุดยอดให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ กว่า 400 ภารกิจในช่วงปี 1978 - 1984 โดยช่วยกองทัพค้นหาตัวประกันในอิหร่าน และชี้ตัวว่าใครเป็นสายลับ KGB โดยส่งพลังจิตสื่อสารไปยังวิทยุของเจ้าหน้าที่ CIA

นอกจากนี้ยังมี “แองเจลา เดลลาฟิโอรา ฟอร์ด (Angela Dellafiora Ford)” ที่ถูกขอให้ช่วยตามหาอดีตเจ้าหน้าที่ศุลกากรที่หลบหนีไปในปี 1989 โดยเธอใช้พลังจิตระบุตำแหน่งของชายคนนี้ได้ว่าอยู่ที่ “โลเวลล์ รัฐไวโอมิง” แต่ศุลกากรสหรัฐฯ กลับจับกุมเขาได้ในเมือง ที่อยู่ห่างจากเมืองโลเวลล์ไปทางตะวันตก 100 ไมล์

ย้อนดู การฝึกนักรบพลังจิต ของสหรัฐฯ – รัสเซีย เรื่องจริงหรือแค่อวดอ้าง?

อย่างไรก็ตาม ถึงจะมีการพยายามสร้างนักรบพลังจิตขึ้นมาหลายครั้ง แต่ทางเพนตากอนยังคงปฏิเสธไม่ยอมจ่ายเงินเพื่อการวิจัยทางจิตทุกประเภทของโครงการนี้ และ Project Star Gate ก็ต้องยุติลงในปี 1995 เพราะโครงการมีแต่ความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง และไม่มีหลักฐานความสำเร็จของปฏิบัติการพลังจิตเลยใดๆ เลย มีแค่ความสำเร็จแบบคลุมเครือ ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ

แต่ถึง แม้โครงการจะยุติไป ก็ไม่ได้เป็นจุดสิ้นสุดความสนใจเรื่องพลังจิต ของประเทศนี้ เพราะ ในปี 2014 “แอนนี่ จาค็อบเซน (Annie Jacobsen)” นักข่าวสืบสวนชื่อดังอ้างว่า กองทัพสหรัฐฯ เปิดตัว “โครงการ 4 ปี (Four-Year Program)” ใช้งบประมาณ 3.85 ล้านดอลลาร์ เพื่อสำรวจการใช้ “สัมผัสที่หก” ในหมู่นาวิกโยธินด้วย แต่ยังไม่มีรายละเอียดที่เชื่อถือได้เผยแพร่ออกมา

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าทั้งหมดจะเป็นเรื่องจริงแค่ไหน ความเชื่อในเรื่องพลังจิต มีมานานแล้วในหมู่ชาวอเมริกันทั่วไปจากการสำรวจของ Gallup สำนักโพลชื่อดัง พบว่า ปีใน 2005  มี 73 เปอร์เซ็นต์ของชาวอเมริกันที่เชื่อ ในปรากฏการณ์อาถรรพณ์บางประเภท และ 41 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ถูกสำรวจ บอกว่าเชื่อในเรื่อง “สัมผัสที่หก” โดยเฉพาะ

KGB - USSR by SwedishRoyalGuard

รัสเซียทดลองนักรบพลังจิต 

ทั้งนี้ หากมองไปดูฝั่ง “โซเวียต” หรือ “รัสเซีย” ศัตรู คู่อาฆาตของสหรัฐฯ จะพบว่าแผ่นดินแม่ แดนหมีขาวนี้ ก็มีความผูกพันกับเรื่องลี้ลับเช่นกัน ดูได้จาก “กรีโกรี รัสปูติน” ที่มีคนเชื่อว่าเขามีพลังจิต เป็นผู้วิเศษ อยู่ไม่น้อย จึงไม่แปลกที่รัสเซียจะมีโครงการทดลองพลังจิตแบบจริงจัง

ในปี 1977 ออกัสต์ สเติร์น ผู้อพยพชาวโซเวียต ซึ่งปัจจุบันอาศัยอยู่ในปารีส อ้างว่าตนเองเคยใช้เวลาสามปีในห้องทดลองลับในไซบีเรียในช่วงปลายทศวรรษ 1960 เพื่อพยายามค้นหาพื้นฐานทางกายภาพสำหรับพลังงานจิต ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของ KGB โดยตรง

โดยภายในศูนย์ มีการศึกษาเรื่อง ปรจิตวิทยา (parapsychology) ที่ครอบคลุม 4 สาขาได้แก่ 1.กระแสจิต (การส่งผ่านความคิดโดยไม่ใช้ประสาทสัมผัส) 2.การรับรู้นอกประสาทสัมผัส 3.พลังจิต (การส่งผ่านการเคลื่อนไหวโดยไม่ใช้พลังงานทางกายภาพ) 4. ญาณทิพย์ (ความสามารถในการมองเห็นเหตุการณ์ที่ห่างไกลหรือในอนาคตโดยไม่มีการแทรกแซงทางกายภาพ)

การวิจัยนี้ ได้รับเงินอุดหนุนเป็นเวลาหลายปี บางครั้งก็ถูกโอ้อวดต่อสาธารณะ แต่ในบางครั้งรัฐบาลก็ปฏิเสธการมีอยู่ของโครงการ ซึ่งในปี 1975 นักจิตศาสตร์โซเวียตบางคนถูกข่มขู่ และโดนทำร้ายในที่สาธารณะจากการพูดถึงเรื่องเหล่านี้ และบางคนก็มีความผิดฐานแอบติดต่อนักจิตศาสตร์ชาวตะวันตกเพื่อขอความรู้ จนถูกไล่ออกจากโครงการ หรือไม่ก็ต้องไปอยู่ค่ายแรงงาน 2 ปีเพื่อเป็นการลงโทษ

โดยตลอดเวลาที่สเติร์นทำงานในห้องปฏิบัติการที่ไซบีเรียนั้น เขาเผยว่ามีการ ไฟฟ้าช็อตลูกแมวแรกเกิดเพื่อดูว่าแม่ของพวกมันที่อยู่เหนือขึ้นไปอีก 3 ชั้น จะมีปฏิกิริยาแบบไหน หรือมีการเชื่อมโยงทางจิตระหว่างพวกมันหรือไม่ และยังมีการจับแต่ละคนมาอยู่แยกห้อง เพื่อให้ลองคุยกันผ่านกระแสจิต และดูการตอบสนองนั้น

นอกจากนี้ยังมีการทดลองเกี่ยวกับคลื่นโฟตอนโดยดวงตาของกบถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือวัดที่มีความไวมากกว่าเครื่องจักร งานวิจัยชิ้นหนึ่งเกี่ยวข้องกับการวางแบคทีเรียบนแผ่นกระจกทั้งสองด้านเพื่อดูว่าโรคร้ายแรงสามารถแพร่เชื้อผ่านกระจกได้หรือไม่ ซึ่งมีเหตุผลว่า หากทำเช่นนี้ได้ ก็จะแสดงให้เห็นว่าโฟตอน—อนุภาคของแสง—มีส่วนในการสื่อสารบางรูปแบบที่อธิบายไม่ได้

อย่างไรก็ดี สเติร์นอ้างว่า การทดลองทุกอย่างไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน และโครงการก็ปิดตัวไปในปี 1969 ซึ่งเขาไม่ทราบเหตุผลว่าเพราะอะไร แต่อาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงกลุ่มการเมืองในเครมลิน

หลังจากนั้น รัฐบาลโซเวียต มีการเปิด แล็บวิจัยด้านจิตศาสตร์ใหม่อีกครั้ง ในเมืองเลนินกราด แต่เขาไม่มีส่วนร่วมด้วย ทว่าหลังจากที่เขาอพยพมาฝรั่งเศสไปปี 1974 เขาได้ยินข่าวลือว่า แล็บวิจัยในเมืองเลนินกราด มีการค้นพบ “สิ่งสำคัญที่อันตรายมาก” แต่โดยส่วนตัวเขาไม่เคยเชื่อเลยว่า พวกKGB จะทำการวิจัยที่มีประสิทธิภาพได้เพราะนักวิทยาศาสตร์ของโซเวียตเต็มไปด้วยพวกต้มตุ๋น

ย้อนดู การฝึกนักรบพลังจิต ของสหรัฐฯ – รัสเซีย เรื่องจริงหรือแค่อวดอ้าง?

ทั้งนี้ หากข้ามเวลามาโลกยุคใหม่ โครงการฝึกนักรบพลังจิตของรัสเซีย หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลาย ก็ยังคงมีให้เห็นอยู่ในข่าวเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการ “metacontact” ที่เป็นกระแสในปี 2019 โดยให้คนกับโลมาสื่อสารกันเพื่อสร้างสุดยอดกองกำลังที่ไม่มีประเทศไหนเลียนแบบได้ และปี 2023 ที่ผ่านมานี้ ก็มีข่าวลือว่า รัสเซียมีการวิจัยอาวุธพลังจิต เพื่อควบคุมคนแข่งกับสหรัฐฯ โดยใช้การทำงานของแม่เหล็กไฟฟ้า แต่ก็ต้องรอการพิสูจน์ต่อไปว่า จริงแท้แค่ไหน ?

ทั้งนี้ทั้งนั้น การแข่งขันกันสร้างนักรบพลังจิต ระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจนี้ เป็นสิ่งที่บอกว่า เรื่องของพลังจิตหรือพลังงานลี้ลับ อาจไม่ใช่สิ่งงมงายที่จำกัดอยู่แค่ในกลุ่มลัทธิเท่านั้น แต่อาจเป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้ และถ้าวันหนึ่งการทดลองของชาติมหาอำนาจโลกมีความก้าวหน้าไปมากกว่ากว่านี้ จนมีอาวุธพลังจิตที่ใช้เปลี่ยนแปลงโลกได้จริง และนักวิทยาศาสตร์จากนานาชาติให้การยอมรับ วันนั้นจำนวนบรรดาร่างทรง ผู้วิเศษ ผู้อิทธิฤทธิ์ต่างๆ ก็คงเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นทวีคูณยิ่งกว่าปัจจุบันนี้แน่นอน

ที่มา : The New York Times /HISTORY 

ข่าวที่เกี่ยวข่อง

 

 

 

related