เจ้าหญิงเคท ยอมรับทรงป่วยมะเร็ง กำลังรักษาด้วยคีโม
เจ้าหญิงเคท พระชายาในเจ้าชายวิลเลียม เจ้าชายแห่งเวลส์ ทรงแถลงผ่านคลิปวิดีโอ ว่าพระองค์ได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเป็นมะเร็ง และขณะนี้กำลังเข้ารับการรักษาด้วยคีโม
SHORT CUT
- เจ้าหญิงเคท แถลงด้วยพระองค์เองผ่านทางคลิปวิดีโอ ประชวรด้วยโรคมะเร็ง และขณะนี้อยู่ระหว่างการรักษาด้วยเคมีบำบัด
- เจ้าหญิงเคท ทรงพยายามทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อจัดการเรื่องนี้อย่างเป็นส่วนตัว เพื่อครอบครัว และยังทรงห่วงใยต่อผู้ป่วยทุกคนที่ชีวิตได้รับผลกระทบจากโรคมะเร็ง
- ถือเป็นความข่าวเศร้าของราชวงศ์อังกฤษ เนื่องจากเกิดขึ้นในช่วงที่พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 กำลังเข้ารับการรักษามะเร็งชนิดหนึ่งเช่นกัน
เจ้าหญิงเคท พระชายาในเจ้าชายวิลเลียม เจ้าชายแห่งเวลส์ ทรงแถลงผ่านคลิปวิดีโอ ว่าพระองค์ได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเป็นมะเร็ง และขณะนี้กำลังเข้ารับการรักษาด้วยคีโม
สำนักข่าวต่างประเทศ บีบีซี ซีเอ็นเอ็น นิวยอร์คไทมส์ เดอะการ์เดียน และพีเพิล รายงานว่า แคเธอริน เจ้าหญิงแห่งเวลส์ (เจ้าหญิงเคท) พระชายาในเจ้าชายวิลเลียม เจ้าชายแห่งเวลส์ ทรงเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (22 มี.ค.) ว่าพระองค์ได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเป็นมะเร็ง และขณะนี้กำลังเข้ารับการรักษาในขั้นต้น
เจ้าหญิงแห่งเวลส์ วัย 42 ปี ทรงเปิดเผยเรื่องนี้ผ่านคลิปวิดีโอที่เผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียเมื่อวันศุกร์ โดยระบุว่า การวินิจฉัยของแพทย์ที่ตรวจพบโรคดังกล่าวเป็นเรื่องน่าตกใจอย่างมาก เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ทรงเข้ารับการผ่าตัดใหญ่บริเวณช่องท้องในกรุงลอนดอน ซึ่งในเวลานั้นทรงคิดว่าโรคที่เป็นไม่ใช่มะเร็ง และการผ่าตัดผ่านไปด้วยดี แต่การตรวจอีกหลายครั้งหลังการผ่าตัดพบมะเร็ง ทีมแพทย์จึงถวายคำแนะนำว่า ควรเข้ารับยาเคมีบำบัด หรือคีโม พระองค์จึงเริ่มเข้ารับยาเคมีบำบัดซึ่งอยู่ในขั้นต้นของกระบวนการรักษา
การออกมาแถลงผ่านคลิปวีดีโอด้วยพระองค์เองในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังเกิดข่าวลือแพร่หลายในโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับการห่างหายไปจากสื่อและพระราชกรณีกิจต่างๆ ของพระองค์เป็นเวลาราว 2 เดือน โดยก่อนหน้านั้น ทางพระราชวังเคนซิงตันได้ออกแถลงการณ์ว่าเจ้าหญิงทรงกำลังพักฟื้นหลังเข้ารับการผ่าตัดบริเวณช่องท้องและไม่ได้เป็นมะเร็ง
เจ้าหญิงเคท ตรัสว่า พระองค์และเจ้าชายวิลเลียม ทรงพยายามทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อจัดการเรื่องนี้อย่างเป็นส่วนตัว เพื่อครอบครัวที่ประกอบด้วยโอรสธิดาที่ทรงเยาว์วัย พร้อมทั้งอธิบายเพิ่มเติมว่า พระองค์บอกโอรส-ธิดาว่า สบายดีและแข็งแรงขึ้นทุกๆวันด้วยการให้ความสำคัญกับสิ่งต่างๆที่จะช่วยเยียวยาพระองค์ทั้งด้านจิตใจและพระวรกาย
เจ้าหญิงเคทตรัสว่า พระองค์และเจ้าชายวิลเลียม ทรงพยายามทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อจัดการเรื่องนี้อย่างเป็นส่วนตัว เพื่อครอบครัวที่ประกอบด้วยโอรสธิดาที่ทรงเยาว์วัย
“พวกท่านคงจะพอนึกออกว่า เรื่องนี้ต้องใช้เวลา ข้าพเจ้าเองก็ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวจากการผ่าตัดเพื่อที่จะมาเริ่มกระบวนการรักษา แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ เราต้องใช้เวลาในการอธิบายทุกสิ่งทุกอย่างให้จอร์จ ชาร์ลอตต์ และหลุยส์ (พระโอรสและพระธิดา) เข้าใจอย่างพอเหมาะพอสมสำหรับพวกเขา และเพื่อให้ลูกๆมั่นใจว่าข้าพเจ้าจะปลอดภัยดี”
ทรงอธิบายเพิ่มเติมว่า พระองค์บอกโอรส-ธิดาว่า ยังสบายดีและแข็งแรงขึ้นทุกๆวันด้วยการให้ความสำคัญกับสิ่งต่างๆที่จะช่วยเยียวยาพระองค์ทั้งด้านจิตใจและพระวรกาย
นอกจากนี้ ยังชื่นชมเจ้าชายวิลเลียม พระสวามี ที่อยู่เคียงข้างพระองค์ และทรงเป็นขุมพลังที่ให้ทั้งความสบายใจและความมั่นใจสำหรับพระองค์ และขอขอบคุณทุกๆกำลังใจจากประชาชน
“หวังว่าพวกท่านจะเข้าใจว่า ในช่วงเวลานี้ ครอบครัวของเราต้องการเวลา ระยะห่าง และความเป็นส่วนตัว ขณะที่ข้าพเจ้าเข้ารับการรักษาจนจบสิ้นกระบวนการ” เจ้าหญิงเคทยังระบุว่า อยากจะกลับไปปฏิบัติกรณีกิจหากทรงทำได้ แต่ขณะนี้ จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการรักษาและฟื้นตัวให้เต็มที่
ก่อนจบคลิป เจ้าหญิงตรัสถึงความห่วงใยที่ทรงมีต่อผู้ป่วยทุกคนที่ชีวิตได้รับผลกระทบจากโรคมะเร็ง “สำหรับทุกๆคนที่กำลังเผชิญกับโรคร้ายนี้ ไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตาม ได้โปรดอย่าสิ้นศรัทธาและความหวัง ท่านทั้งหลายไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพัง”
ขณะที่ ดร.คาเรน นุดเซ็น ผู้บริหารระดับสูงของสมาคมมะเร็งอเมริกัน กล่าวว่าเคมีบำบัดเพื่อป้องกันมักใช้หลังการผ่าตัดเพื่อลดโอกาสการกลับมาของมะเร็ง
ข่าวนี้ถือเป็นความโศกเศร้าครั้งใหญ่ของราชวงศ์อังกฤษ เนื่องจากเกิดขึ้นในช่วงที่พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 กำลังเข้ารับการรักษามะเร็งชนิดหนึ่งเช่นกัน ซึ่งพระราชวังบักกิงแฮมประกาศเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์
พระเจ้าชาร์ลส์ทรงกล่าวว่า พระองค์ทรง "ภาคภูมิใจ" ในตัวเคทที่ "กล้าพูดในสิ่งที่เธอพูด" และแบ่งปันการวินิจฉัยโรคมะเร็งของเธอ โดยทั้งสองพระองค์เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเดียวกันในลอนดอน นอกจากนี้ พระองค์และสมเด็จพระราชินีคามิลลาจะ "ยังคงมอบความรักและการสนับสนุนให้กับครอบครัวทั้งหมดตลอดช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
