ประธาน กกต. ตั้งเป้าสมัคร สว. ไม่น้อยกว่าแสนคน เปิดทางคนมีชื่อเสียงเปิดตัว

นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมจัดการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ว่า ประมาณการณ์ในเบื้องต้นว่าจะมีผู้มาสมัครไม่น้อยกว่า 100,000 คน  แต่หากมีจำนวนมากขึ้นก็เป็นเรื่องน่ายินดี เพราะประชาชนที่สนใจก็สามารถเป็นผู้สมัครได้อยู่แล้ว และถึงเวลาก็จะมีการเลือกตามกลุ่มอาชีพต่างๆ ถ้ามีจำนวนมาก ถือว่ายิ่งดี

ส่วนจะมีการอบรมผู้สมัครอีกหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ตอนนี้ กกต.ก็ได้แจ้งไปยังสำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดต่างๆ ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมาว่าประชาชนท่านใดที่สนใจจะสมัครและมีคำถามที่อยากสอบถามเบื้องต้น เกี่ยวกับกระบวนการสมัคร คุณสมบัติ สามารถสอบถามได้ที่ กกต.จังหวัดนับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ดังนั้นก็เป็นความพยายามประชาสัมพันธ์และให้ข้อมูลของ กกต.

เมื่อถามว่าขณะนี้มีสถาบันการสร้างชาติเปิดอบรมคนที่อยากเป็น สว. สามารถทำได้หรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ไม่มีกฎหมายห้าม เพราะฉะนั้น หากเป็นการอบรม เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจก็น่าจะเป็นส่วนที่ดี เป็นการส่งเสริม กระจาย และเผยแพร่ความสำคัญของการสมัครของประชาชน เพื่อให้ทำหน้าที่ในวุฒิสภา ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดี ส่วนจะเป็นการสร้างเครือข่ายเพื่อล็อบบี้กันหรือไม่ ตนคิดว่าตอนนี้ยังพูดแบบนั้นไม่ได้ ตนก็ไม่แน่ใจว่ามีการจัดไปแล้วหรือไม่ แต่คิดว่าเป็นการจัดประกาศในที่สาธารณะ คงต้องมองข้อเท็จจริงตามนี้ไปก่อน

ส่วนที่มีการเปิดตัวของคนที่มีชื่อเสียงบางคนว่าจะลงสมัคร สามารถทำได้หรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ตนคิดว่าทำได้ เพราะเป็นเรื่องปกติ หากแสดงความสนใจก็บอกได้ ไม่มีใครห้าม กระบวนการรับสมัครจะมีขึ้น 15 วันหลังจากมีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้มีการเลือกตั้ง สว. เพราะฉะนั้น ช่วงนี้ก็ถือเป็นการเตรียมความพร้อมของทุกฝ่าย วาระของ สว.ชุดนี้จะสิ้นสุดในวันที่ 10 พ.ค. ซึ่งเหลือเวลาอีกไม่มาก กระบวนการการเลือกตั้งก็ต้องมีหลังจากนั้นไม่เกิน 60 วัน เพราะฉะนั้นในช่วงนี้ก็เป็นการให้ความรู้ การสร้างความตื่นตัวให้กับประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ ถ้ามีการร่วมกันทุกภาคส่วนก็เป็นเรื่องที่ดี

นายอิทธิพร ย้ำว่าช่วงนี้ ยังไม่มีข้อระวังอะไร เพราะยังไม่เกิดอะไรที่พึงระวัง มองว่าต้องดูข้อเท็จจริง การที่จะคิดอะไรไปก่อนโดยที่ยังไม่ปรากฎข้อเท็จจริงอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่สมควร 

เมื่อถามว่าความพยายามที่จะทำให้ผู้สมัครถูกเข้าใจว่ามีพรรคการเมืองหนุนหลังถือว่ามีความผิดหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า มีความผิด ซึ่งต้องไปเปิดดูว่าบทลงโทษเป็นอย่างไร ยังไม่แน่ใจว่าจะมีโทษถึงขั้นยุบพรรคหรือไม่ ซึ่งก็เห็นได้ชัดว่าการจัดเลือกตั้ง สว.จัดให้มีการเลือกโดยประชาชน 

“อะไรก็ตามที่ไม่เป็นการสมัครหรือดำเนินการสมัครด้วยตัวเอง ก็ถือเป็นการเสี่ยงต่อการฝ่าฝืนกฎหมาย” นายอิทธิพร กล่าว

เมื่อถามว่าอดีตสมาชิกพรรคการเมืองหรือกรรมการบริหารพรรคสามารถลงสมัครได้หรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า น่าจะได้ โดยตามกฎหมายต้องเว้น 5 ปี ย้ำว่าตัว สว.หรืออดีตกลุ่มการเมืองไม่สามารถรวมตัวกันสมัครไม่ได้ เพราะจะไม่เป็นอิสระ

“ผมเข้าใจว่า พ.ร.ป.การได้มาซึ่ง สว. ที่จัดให้มีการเลือกในระบบนี้เป็นครั้งแรกก็เพื่อต้องการไม่ให้มีการแทรกแซงจากพรรคการเมือง เพราะฉะนั้น อะไรที่มาแทรกแซงก็จะเสี่ยงต่อการฝ่าฝืนกฎหมาย” นายอิทธิพร กล่าว

เมื่อถามย้ำว่าอย่างคณะก้าวหน้าที่ทำประเด็นท้องถิ่นสามารถมีผู้สมัครได้หรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ไม่สามารถยึดโยงได้ ทั้งนี้กระบวนการตรวจสอบในเรื่องการฝักใฝ่พรรคการเมือง กกต.สามารถตั้งเรื่องได้เลย หากมีข้อเท็จจริง 

เมื่อถามว่าการสมัครรับเลือกตั้งเมื่อปี 2561 กกต.ก็ตั้งเป้าว่าจะมีผู้สมัคร 100,000 คน แต่มาสมัครจริง 7,000 คน จะมีการปรับปรุงให้มีผู้สมัครมากขึ้นอย่างไร นายอิทธิพร กล่าวว่า ตอนนั้นตนพูดเอง เพราะเข้าใจว่าจะมีผู้สมัคร 100,000 คน ตามความเข้าใจของฐานวิธีการสมัครและผลที่จะได้ แต่ข้อเท็จจริงที่ออกมาไม่เป็นตามนั้น ไม่เป็นที่ตื่นเต้น แต่ในขณะนี้ที่ใช้ตัวเลข 100,000 คนก็เพราะตอนนี้เป็นกระบวนการเลือกเต็มรูปแบบแล้ว ไม่ใช่การเลือกแบบเฉพาะกาล ผู้ได้รับเลือกจะได้รับเลือกเลย ต่างจากปี 2561 ที่ต้องส่งให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เลือกอีก ปัจจัยการเลือกตั้งต่างกันโดยสิ้นเชิง

เมื่อถามว่ากฎเหล็กในการห้ามผู้สมัครรณรงค์หาเสียงยังใช้อยู่หรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า จะมีห้ามแนะนำตัวอยู่ ส่วนการไม่แนะนำตัวจะทำให้เป็นการเลือกตั้งที่เงียบที่สุดในโลกหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า คราวที่แล้วไม่ได้เงียบที่สุดในโลก 

“ถ้าเราจะพูดว่าเงียบที่สุดในโลก ก็ต้องทราบว่าในโลกมีการเลือก สว.ที่เงียบกว่าเราหรือไม่ จริงๆแล้ว เราก็พยายามประโคมข่าวให้มากที่สุด แต่ความสนใจของประชาชน ณ ขณะนั้น มีไม่เยอะเท่าที่เราคาดการณ์ไว้” นายอิทธิพร กล่าว

นายอิทธิพร ยังยืนยันว่าสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งและภาคีเครือข่ายที่เข้ามาร่วมในการเลือก สว. ในครั้งนี้มีความพร้อมเดินหน้าในการเลือก สว. ให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายและพร้อมอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่สนใจสมัครทุกคนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียมกัน

นายอิทธิพร ยังกล่าวด้วยว่าการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2560 ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ซึ่งเคยมีการเลือกตั้งมาแล้วเมื่อปลายปี 61 แต่การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาขนาดนั้น เป็นการเลือกตั้งตามบทเฉพาะกาล ที่มีการเลือกตั้งกันเองเพียงครั้งเดียว และ แบ่งเป็น 10 กลุ่มอาชีพ จาก20 กลุ่มอาชีพ แต่ครั้งนี้ เป็นการเลือกกันเอง 3 ระดับ คืออำเภอ จังหวัด ประเทศ 

ทั้งนี้ วาระของสว.จะสิ้นสุดวันที่ 10 พฤษภาคม และเมื่อมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสว.ใช้บังคับ กกต.จะเปิดรับสมัครภายใน 15 วัน และกำหนดวันรับสมัครไม่น้อยกว่า 5 วันแต่ไม่เกิน 7 วัน จากนั้นจะจัดให้มีการเลือกระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับประเทศตามลำดับก่อนที่จะประกาศผลหลังจากวันเลือกสว.ไม่น้อยกว่า 5 วัน  ทั้งนี้ คาดว่าจะรู้ผลได้ในราวเดือนกรกฎาคม 

ดังนั้น จึงขอฝากไปยังผู้สมัครศึกษาคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามให้ดีๆและสำรวจตนเองว่ามีพฤติกรรมหรือเชี่ยวชาญในกลุ่มอาชีพใด เพื่อเป็นการป้องกันให้มีการสมัครให้ถูกกลุ่ม และขอให้ศึกษารูปแบบหลักเกณฑ์วิธีการและกำหนดโทษตามพ.ร.ป.สว. ซึ่งมีการออกระเบียบแก้ไขรองรับมาแล้ว หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ จากสำนักงานคณะกรรมการประจำจังหวัดหรือสอบถามข้อมูลเบื้องต้นได้จากสายด่วน 1444 หรือ Application Smart Word 

ทั้งนี้ ในการเลือก สว.ครั้งนี้ ได้มีการแต่งตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้ง เพื่อปฏิบัติหน้าที่ ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการเลือกสว. มีการกระทำใดที่เป็นการฝ่าฝืนพ.ร.ป.สว.หรือไม่และมีการกระทำใดที่ทำให้การเลือกสว. ครั้งนี้ไม่สุจริตโดยเครื่องทำหรือไม่ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากชุดปฏิบัติการข่าวและชุดเคลื่อนที่เร็ว และขอความร่วมมือประชาชนให้ช่วยสอดส่องการกระทำความผิดหากพบการกระทำความผิดก็สามารถแจ้งมาที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดได้ โดยผู้ที่ชี้เบาะแส และพิสูจน์แล้วว่าการเลือกนั้นไม่สุจริตและเที่ยงธรรม จะได้รับรางวัลสูงสุด1ล้านบาท