SHORT CUT
รู้จักชาว ‘SBNR’ กลุ่มคนที่ไม่เชื่อในศาสนา แต่เชื่อในจิตวิญญาณ และเชื่อในพลังของการนั่งสมาธิ เล่นโยคะ และดูดวง
เมื่อไม่นานมานี้ ผลการสำรวจของ “สำนักวิจัยพิว (Pew Research Center)” พบว่าชาวอเมริกันนับถือศาสนาน้อยลง โดย 1 ใน 4 ของชาวอเมริกันไม่มีศาสนา แต่ที่น่าสนใจคือ พวกเขายังมีความเชื่อใน “จิตวิญญาณ” อยู่
โดยคนกลุ่มนี้เรียกว่า “SBNR” ซึ่งย่อมาจาก Spiritual But Not Religious ที่แปลออกมาง่ายๆ ว่า “มีธรรมในใจแต่ไม่นับถือศาสนา” ซึ่งปัจจุบันทาง 'สำนักวิจัยพิว' คาดว่ามีคนกลุ่มนี้อยู่ประมาณ 1,100 ล้านคนทั่วโลก และกำลังเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนของความเชื่อในตัวมนุษย์ ที่แตกออกมาจากหลักความเชื่อทั่วไปตามศาสนา
ทั้งนี้ทั้งนั้น ความเชื่อในจิตวิญญาณไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะจิตวิญญาณเป็นเรื่องที่อยู่คู่กับวัฒนธรรมความเชื่อของมนุษย์มาตั้งแต่โบราณแล้ว แต่การแยก"จิตวิญญาณ" ออกจาก "ศาสนา" เพิ่งจะเริ่มแพร่หลายนับตั้งแต่ทศวรรษ 1970 เป็นต้นมา ซึ่งทั้งนักวิชาการและผู้นำศาสนาต่างก็สังเกตเห็นกระแสนี้ และหลายๆ คนในทุกวันนี้ก็ตัดสินใจปฏิเสธศาสนาตั้งแต่ยังเด็ก เพื่อเริ่มกระบวนการ “แสวงหาจิตวิญญาณ” ของตัวเองทันที ทำให้ผู้ที่เป็น SBNR ส่วนใหญ่จะเป็นคนหนุ่มสาว ที่เติบโตมากับโลกสมัยใหม่
การเชื่อในจิตวิญญาณ แต่ไม่นับถือศาสนายังถือเป็นเรื่องค่อนข้างใหม่ ซึ่งเกิดขึ้นมาจากแนวคิด ที่มองว่าศาสนาเป็นเพียงประสบการณ์ส่วนตัว จึงไม่จำเป็นต้องร่วมพิธีไปกับคนหมู่มาก และในบางกรณีคนที่เป็น SBNR ก็ไม่จำเป็นต้องปฏิเสธศาสนาเพื่อหันไปเชื่อแนวคิดแบบลัทธิเหตุผลนิยม (Rationalism) หรือหลักวิทยาศาสตร์แบบ 100 % ก็ได้ เพราะพวกเขายึดมั่นในหลักเหตุผล และความเชื่อในจิตวิญญาณควบคู่ไปด้วยกันได้
กล่าวคือ
ซึ่งเป็นคนละประเภทกับ กลุ่ม Atheist ที่ไม่เชื่อในพระเจ้าหรือสิ่งเหนือธรรมชาติเลย
ส่วนปัจจัยที่ทำผู้คนเป็น SBNR นั้น เป็นเพราะพวกเขาส่วนใหญ่ มีอัตลักษณ์บางอย่างที่ศาสนาไม่ให้การยอมรับ เช่น การจำกัดสิทธิของผู้หญิงหรือกลุ่ม LGBTQIA+ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม กลุ่ม SBNR ยังคงเผชิญกับความท้าทายในการได้รับการยอมรับ เนื่องจากบรรดานักวิชาการและผู้นำศาสนาบางคน ยังคงกล่าวหาว่าผู้ที่เป็น SBNR คือพวกเอาแต่ใจตัวเองเป็นหลัก และหาข้ออ้างเพื่อไม่ปฏิบัติตามประเพณีดั้งเดิม นักวิจารณ์บางคนยังกล่าวหาว่า ชาว SBNR เป็นเหมือนพวกที่เลือกรับประทานแต่อาหารที่ชอบเท่านั้น
สำหรับการวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้น กลุ่ม SBNR มักตอบโต้ว่า ทุกศาสนามันคือการเลือกเพื่อให้เหมาะกับตัวเองอยู่แล้ว และการเลือกนับถือศาสนาด้วยวิธีที่ตัวเองถนัด และเลือกอย่างรอบคอบ จะทำให้พวกเขาเป็นมนุษย์ที่ดีขึ้นได้ ด้วยการแสวงหาวิถีทางของตัวเอง ซึ่งคนที่ไม่มีศาสนาแต่เชื่อในจิตวิญญาณจะมองว่า ตนเองเป็นผู้สร้างเส้นทางใหม่ที่สามารถเลือกได้อย่างอิสระ แทนที่จะปฏิบัติตามมรดกที่ตกทอดกันมา และด้วยเหตุนี้จึงทำให้คนที่เชื่อในจิตวิญาณแต่ไม่เคร่งศาสนา กลายเป็นตัวแทนของการส่งเสริมการเลือกความศรัทธาของแต่ละบุคคลอีกด้วย
นอกเหนือจากนั้น การหันมาใส่ใจกับจิตวิญญาณที่อยู่ในตัว ทำให้ชีวิตมีความยืดหยุ่นกว่า ยึดแต่หลักคำสอนของศาสนา เนื่องจากพิธีกรรมและการปฏิบัติมีความเรียบง่ายกว่ามาก โดยชาว SBNR อาจดึงเอาประเพณีต่างๆ มาใช้เพื่อสร้างแนวทางจิตวิญญาณที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง เช่น การทำสมาธิแบบพุทธ อ่านไพ่ยิปซี หรือเล่นโยคะ ที่ล้วนมีส่วนเสริมสร้างจิตใจที่เข้มแข็งภายในได้ นอกจากนี้ ชาว SBNR หลายคน ก็มองว่าการอ่านหนังสือ ยังเป็นการเดินทางภายในที่ดีอีกด้วย
ท้ายที่สุด การเป็น SBNR จึงหมายถึงการให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีของจิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณภายใน ซึ่งวีที่จะทำอย่างนั้นได้ คือการ “แสวงหาด้วยตัวเอง” เท่านั้น โดยผู้ที่เดินบนเส้นทางนี้จะหลักปฏิบัติแตกต่างกันไป ตามความถนัดของแต่ละคน ส่วนศาสนาในสายของพวกเขานั้น เป็นเรื่องขององค์กรหรือชุมชน ที่พวกเขาไม่ได้รู้สึกผูกพันด้วยอีกแล้ว
.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง