ทำความรู้จัก "เยรูซาเลม" ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น "นครศักดิ์สิทธิ์" ตามความเชื่อของ 3 ศาสนา ทั้งศาสนาคริสต์ อิสลาม และยูดาห์ เปิดประวัติ 3 ศาสนสถาน ที่มีกรณีพิพาทมากที่สุด หลังผ่านประวัติศาสตร์ยาวนานเกือบ 4,000 ปี
นับตั้งแต่สมัยอดีตกาล ดินแดนของประเทศอิสราเอลในปัจจุบัน เป็นถิ่นที่อยู่ของผู้คนหลายชนชาติ ทั้ง ชาวยิว ชาวอาหรับ โรมัน กรีก และเปอร์เซีย เนื่องจากพื้นที่แห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับ 3 ทวีป คือ เอเชีย ยุโรป และแอฟริกา ทำให้พื้นที่แห่งนี้ผ่านการแย่งชิง ทำลาย ยึดครองมาแล้วนับไม่ถ้วน โดยเฉพาะ “เยรูซาเลม” เมืองที่ถูกขนานนามว่าเป็น “เมืองศักดิ์สิทธิ์” ของ 3 ศาสนา ได้แก่ ศาสนายูดาห์, ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม
ความเป็น “นครศักดิ์สิทธิ์” ของกรุงเยรูซาเลมไม่ได้ถูกสถาปนาขึ้นเพราะความเชื่อ แต่มีความเกี่ยวโยงกับศาสดาและตำนานทางศาสนา ซึ่งมีหลักฐานเชิงประจักษ์เป็นสถานที่สำคัญทางศาสนา หรือศาสนสถาน 3 แห่งในย่านเมืองเก่า
มัสยิดอัลอักซอ หรือ Dome of The Rock เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิม ที่มีความเชื่อว่า ต้องมาเยือนที่นี่ให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต เหมือนกับที่ต้องไปประกอบพิธีฮัจญ์ ที่นครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย
มัสยิดอัล-อักซอ คือสิ่งปลูกสร้างที่มียอดเป็นโดม ฐานเป็นอาคารทรงแปดเหลี่ยม สร้างขึ้นระหว่าง ค.ศ. 685-691 ตัวอาคารสร้างครอบแท่นศิลาศักดิ์สิทธิ์ หรือ “หินลอย” จุดที่เชื่อว่านบีมูฮัมหมัดเดินทางสู่ฟากฟ้า
แม้จะผ่านการบูรณะซ่อมแซมหลายครั้ง แต่มัสยิดอัล-อักซอถือเป็นศาสนสถานเก่าแก่ที่สุดในศาสนาอิสลามที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ถือเป็นต้นแบบสถาปัตยกรรมอิสลามยุคแรกเริ่ม
โดยที่ตั้งของมัสยิดอัล-อักซอ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนายูดาห์เช่นกัน เพราะเคยเป็นที่ประทับของกษัตริย์โซโลมอนตามที่ระบุไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิล
สถานที่สำคัญทางศาสนาของชาวยิว กำแพงยักษ์อายุราวกว่า 2,000 ปี เป็นส่วนที่หลงเหลือของพระวิหารศักดิ์สิทธิ์ของศาสนายูดาห์ที่ถูกทำลายไป เนื่องจากตั้งอยู่ด้านทิศตะวันตกของมัสยิดอัล-อักซอ จึงมีอีกชื่อว่า “กำแพงตะวันลับ” (Western Wall)
กำแพงร่ำไห้ เป็นบริเวณที่ชาวยิวมาสวดอ้อนวอน อธิษฐาน ภาวนาต่อพระผู้เป็นเจ้า และเป็นสัญลักษณ์ของการหวนคืนสู่แผ่นดินแห่งพันธสัญญาตามความเชื่อของชาวอิสราเอลด้วย
สถานที่แห่งนี้ชาวคริสต์ให้สมญานามว่า “โบสถ์แห่งการฟื้นคืนพระชนม์” ตั้งอยู่ในชุมชนชาวคริสต์ในย่านเมืองเก่า
โบสถ์แห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของชาวคริสต์ เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับพระคริสต์ หรือพระเยซูโดยตรง เพราะอยู่ไม่ห่างจากบริเวณที่พระเยซูถูกตรึงกางเขน ภายในโบสถ์ยังประดิษฐานแท่นศิลาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเคยใช้วางพระศพของพระเยซู และเป็นจุดเก็บพระศพก่อนการคืนพระชนม์ในเวลาต่อมา
ใจกลางโบสถ์เป็นอาคารทรงกลมสร้างครอบหลุมพระศพ ก่อสร้างและมีพิธีสมโภชเมื่อ ค.ศ. 335 โดยชาวคริสต์จะมาเยือน โบสถ์พระคูหาศักดิ์สิทธิ์ แล้วนำหน้าผากแตะแท่นหินเพื่อรำลึกถึงพระเยซู
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ความรุนแรงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาเกิดขึ้นอีกครั้ง ส่งผลทั่วโลกจับตาพื้นที่ความขัดแย้งแห่งนี้อีกครั้ง และสงครามครั้งนี้มีประชาชนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก และสถานการณ์ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง