SHORT CUT
"เศรษฐา" ปาฐกถางานดินเนอร์ทอร์ค 44 ปีฐานเศรษฐกิจ “THAILAND NEW ERA : ก้าวใหม่ประเทศไทย” ดันแนวคิดเชงเก้นอาเซียน เพิ่มการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวในภูมิภาค ผุดไอเดียดึงแบรนด์ไพรเวทเจ็ตระดับโลกตั้งศูนย์ซ่อมในไทย หวังดึงเศรษฐีเที่ยวไทยมากขึ้น
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในงานครบรอบ 44 ปี ก้าวสู่ปีที่ 45 “ฐานเศรษฐกิจ” หัวข้อ “THAILAND NEW ERA : ก้าวใหม่ประเทศไทย” สาระสำคัญตอนหนึ่งว่าวันนี้ทุกคนต้องเชื่อมั่นใจศักยภาพภาพประเทศ ซึ่งการพูดในงาน IGNITE Thailand เมื่อวันที่ 22 ก.พ.ได้พูดไปแล้ว เป็นการทำให้เศรษฐกิจไทยแข็งแกร่ง เราไม่ควรให้ความขัดแย้งมาบดบังศักยภาพของประเทศไทยเพราะสิ่งเหล่านั้นจะกดให้ประเทศไทยต่ำเตี้ยต่อไปหรือเปล่า โดยตนเองเคยพูดในหลายโอกาสว่าประเทศไทยมีศักยภาพสูงมากในเรื่องของการท่องเที่ยว และมีรายได้จากตรงนี้มากแล้วเราจะทำให้รายได้เพิ่มขึ้น
ตนเองเคยหารือกับประธานาธิบดีเวียดนามเขาบอกว่าประเทศไทยเก่งมากเรื่องท่องเที่ยว แล้วบอกว่าเราควรจะเป็นเซ็นเตอร์ใหญ่ของเรื่องของการท่องเที่ยวของภูมิภาคนี้เพื่อช่วยในการเชื่อมโยงท่องเที่ยว ซึ่งในแง่หนึ่งผมคิดดูภายใน 10 วินาทีก็เข้าใจว่าเวียดนามมีสายการบินเวียตเจ็ต ซึ่งหากมีการเดินทางเชื่อมโยงกันได้ก็จะทำให้มีความต้องการเที่ยวบินเพิ่ม ซึ่งการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวในอาเซียนนั้นต้องหารือกับประเทศต่างๆเรื่องการทำวีซ่าเชงเก้นของอาเซียนเหมือนกับในยุโรป ทำให้การเดินทางไปมายังเมืองและประเทศต่างๆในอาเซียนทำได้ง่ายขึ้นถือเป็นโอกาสขยายท่องเที่ยว 200 กว่าล้านคนในอาเซียน
ทั้งนี้การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของภูมิภาคยังต้องมีการปรับปรุงและอัพเกรดสนามบินทั่วประเทศ ซึ่งแผนที่กำลังจะประกาศในวันที่ 1 มี.ค.นี้ไม่ใช่แค่การยกระดับสนามบินแค่ฮาร์ดแวร์ ที่เป็นรันเวย์ หรือเทอร์มินัลเท่านั้น แต่เป็นซอฟต์แวร์ ด้วยเพื่อให้การเข้า-ออกจากสนามบินของนักท่องเที่ยวมีความสะดวกมากขึ้น
“เราต้องยอมรับว่ามีปัญหาแก้ปัญหาและเพิ่มศักยภาพได้ หากทำระบบเชื่อมกันก็ช่วยให้นักท่องเที่่ยวใช้จ่ายมากขึ้น จึงต้องทำให้ต้องมีการแก้ปัญหาสนามบินทั้งระบบ” นายเศรษฐา กล่าว
นอกจากนี้สิ่งสำคัญของการสนับสนุนการท่องเที่ยวที่ดีคือให้นักท่องเที่ยวรายได้สูงเข้ามาใช้จ่ายในประเทศไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งปัญหาเล็กๆที่ทำให้เราพลาดโอกาสไป เช่น ที่เชียงใหม่ไม่มีที่จอดเครื่องบินส่วนตัว (private jet) ทำให้ต้องไปจอดที่สิงคโปร์แทน รัฐบาลก็ต้องดูให้ครบทุกมิติวันนี้เราดูในเรื่องของโอกาสการตั้งศูนย์ซ่อมเครื่องบินส่วนตัวซึ่งทั้ง บอมบาร์ดิเอร์ และกัลฟ์ สตรีม ก็อยากที่จะเข้ามาลงทุนตั้งศูนย์ซ่อมในไทยทั้งนั้นซึ่งเรื่องนี้เราจะต้องทำงานต่อไป
“เรื่องการส่งเสริมการท่องเที่ยวทำให้เราต้องไปดูเรื่องของการแก้ปัญหาสนามบินซึ่งมีรายละเอียดหลายด้าน ที่ต้องไปดูเช่นการจัดตารางการบินใหม่ให้ดีสอดคล้องกับการเดินทาง การท่องเที่ยวเมืองรอง ต้องทำให้การเดินทางง่ายขึ้น เช่นเดียวกับราคาตั๋วเครื่องบินที่สูงมาก วันนี้ไปสิงค์โปร์ราคาถูกกว่าตั๋วไปภูเก็ต วันนี้เกิดอะไรขึ้นก็จะต้องฝากหน่วยงานเกี่ยวข้องไปดูด้วย”
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงเรื่องของการแก้ปัญหา PM2.5 โดยเรื่อง พ.ร.บ.อากาศสะอาด เป็นเรื่องที่ดีที่จะมีการพูดถึงในช่วงเวลานี้ซึ่งตอนนี้ก็มีตัวอย่างดีดีอย่างเช่นพื้นที่ภาคเหนือซึ่งมีปริมาณฝุ่นควันลดลงจำนวนเป็นเรื่องที่ดีที่จะมีการพูดถึงในตอนนี้ที่เกิดจากการร่วมกันทำงาน แต่เรื่องนี้ต้องแก้ไขต่อไป เพราะวันนี้เรื่องของการเผามีจุดความร้อนที่เกิดขึ้น รวมทั้งในประเทศเพื่อนบ้านมีการคุยกันกับคณะที่ต้องพูดคุยกันกับสปป.ลาว จะคุยกันที่ออสเตรเลีย 4-6 มี.ค.
โดยทาง สปป.ลาวขอให้เราซื้อข้าวโพดเพิ่มขึ้น แต่นโยบายก็คือเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าการปลูกเหล่านั้นไม่ได้ทำให้เกิดมลพิษ หากมีการเผาพื้นที่เกษตรเราจะไม่รับซื้อเพราะเป็นเรื่องที่ต้องเจรจากันต้องพูดคุยกันอย่างจริงจังไม่อย่างนั้นปัญหานี้ไม่หายไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง