"สุดารัตน์" หวังรัฐบาลฟังสิ่งที่ ไทยสร้างไทยเสนอ นำกองทุนเครดิตประชาชนไปปรับใช้ ช่วยคนตัวเล็ก แนะนายกแจกเงินดิจิทัลดีแค่ระยะสั้น
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วย นายศุข ศักดิ์ณรงค์เดช นายรัตนมงคล เลิศทวีวิทย์ นายกิติ วงษ์กุหลาบ และ นายภัชริ นิจสิริภัช ทีมคนตัวเล็กพรรคไทยสร้างไทย ลงพื้นที่ชุมชนเทพลีลา เขตบางกะปิกรุงเทพมหานคร เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจ พี่น้องประชาชนและผู้สูงอายุ เนื่องในวันแห่งความรัก โดยได้ส่งมอบความรักความห่วงใย พร้อมมอบ ทุนทรัพย์ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียง ไว้ใช้ยามจำเป็น
พี่น้องชาวชุมชนเทพลีลา ยินดีที่คุณหญิงสุดารัตน์และคณะพรรคไทยสร้างไทย มาเยี่ยมเยียน แม้จะไม่ใช่ช่วงรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง แต่ก็ยังลงพื้นที่ต่อเนื่อง ชาวชุมชนต่างยินดี ที่ได้พบคุณหญิงสุดารัตน์อีกครั้ง โดยได้มอบดอกไม้รวมถึงของกิน ให้กับคณะของพรรคไทยสร้างไทยด้วย
ภายหลังการเยี่ยมผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียง คุณหญิงสุดารัตน์เปิดเผยว่า ชุมชนเทพลีลา เป็นอีกหนึ่งชุมชนที่มีความผูกพัน เพราะได้ร่วมพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคของชุมชนมาตั้งแต่ครั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสมัยที่ 2 เห็นพัฒนาการและความเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด
แต่ยังมีอีกหลายจุด ที่จำเป็นต้องได้รับการพัฒนา ซึ่งต้อง อาศัยศักยภาพของภาครัฐ ซึ่งถือเป็นโชคดีของชาวชุมชน ที่ได้รับโอกาสจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ที่ได้เตรียมแผนในการพัฒนาบ้านมั่นคง เพื่อปรับปรุงที่อยู่อาศัย
จากการลงพื้นที่ พูดคุยกับชาวชุมชนและผู้สูงอายุ พบว่า ยังขาดโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อประกอบอาชีพ จึงยินดีหากรัฐบาลจะแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต แต่หลายคนเห็นตรงกันว่า จะสามารถใช้จ่ายได้ในระยะเวลาอันสั้นและหมดไป ต่างจากสิ่งที่พรรคไทยสร้างไทยเคยเสนอ กองทุนเครดิตประชาชนหรือกองทุนคนตัวเล็ก
โดยกองทุนเครดิตประชาชน จะเป็นโครงการแจกเบ็ดไม่ใช่แจกปลา ให้ทุนในการทำมาหากิน สามารถกู้ได้ตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 1 ต่อเดือน หากรักษาเครดิตได้จะสามารถกู้ได้ถึงหลักแสนบาทเพื่อสร้างธุรกิจของตัวเอง สามารถตั้งตัวได้อย่างมั่นคง โดยรัฐจะไม่เสียวินัยการเงินการคลัง ไม่เป็นภาระหนี้สินของประเทศชาติ อีกทั้งจะเกิดการหมุนเวียนของเงินในระบบ และสามารถแก้ปัญหาหนี้นอกระบบได้อีกด้วย
เช่นเดียวกับนโยบายบำนาญประชาชนที่พรรคไทยสร้างไทยได้เสนอไว้นั้น จะช่วยให้ผู้สูงวัยมีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพเดือนละ 3,000 วันอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี ลดภาระลูกหลานในการดูแลผู้สูงอายุ ทำให้คนหนุ่มสาวตั้งตัวได้เร็วขึ้น
ผู้รับบำนาญ 3,000 บาท ต้องเข้าโปรแกรมสร้างเสริมสุขภาพ ที่ศูนย์สร้างสุขภาพใกล้บ้าน เพื่อให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพดีกลับมาทำงานได้ พร้อมให้ความรู้ Re-skill, Up-skill ให้ผู้สูงอายุใช้ในการดูแลสุขภาพตัวเอง และใช้ในการทำมาหากิน
ขณะที่พรรคไทยสร้างไทย ได้ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค โดยคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจของพรรคไทยสร้างไทย ได้นำเสนอแนวทางการฟื้นเศรษฐกิจ เพื่อพิจารณาถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงเป็นประวัติการ ถึงกว่า 90% และคนตัวเล็กส่วนใหญ่เป็นหนี้นอกระบบ โดยรัฐบาลพยายามแก้อยู่แต่คณะทำงานด้านเศรษฐกิจของไทยสร้างไทยมองว่ายังเกาไม่ถูกที่คัน เป็นการแก้ที่ปลายเหตุ
การแก้ที่ต้นเหตุ คือการให้โอกาสคนตัวเล็ก ไม่ว่าจะเป็น SMEs คนหนุ่มสาวที่ต้องการตั้งตัว ซึ่งส่วนใหญ่ไม่สามารถกู้เงินจากธนาคารได้ จึงต้องไปกู้หนี้นอกระบบที่ดอกเบี้ยสูงถึง 20% ต่อเดือนหรือเท่ากับ 240% ต่อปี ทำให้คนตัวเล็กไม่สามารถสร้างราย และตั้งตัวได้
ทั้งนี้เมื่อโครงการแจกเงินดิจิทัล ของรัฐบาล ถูกท้วงติงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ ทั้งในแง่ความเสี่ยงในการทำผิดกฎหมาย และความเสี่ยงต่อการก่อหนี้ถึง 5 แสนล้าน โดยไม่มีอะไรการันตีได้ว่าจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้สำเร็จอย่างยั่งยืน ไทยสร้างไทยเห็นด้วยกับข้อท้วงติงว่าจะเป็นแค่การช็อคหัวใจให้ฟื้นขึ้นได้เพียงระยะสั้น แล้วคนไข้ก็กลับไปตายต่อ ที่บอกว่าจะหมุนได้ถึง 3-4 รอบ ไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะไม่ได้แจกเป็นเงินสด ผู้ได้รับประโยชน์ก็จะเป็นเพียงแต่รายใหญ่ ผู้ประกอบการ รายเล็กรายน้อย จะได้ประโยชน์น้อยมาก จึงไม่สามารถเกิด multiplier effect 3-4 รอบ อย่างที่รัฐบาลอ้าง ผลลัพธ์จะไม่คุ้มค่ากับการที่ประเทศชาติต้องมีภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นอีกถึง 5 แสนล้าน เป็นมรดกบาปให้ลูกหลานต้องใช้หนี้แทน
ไทยสร้างไทยจึงเสนอให้เปลี่ยนจากการแจกเงิน มาเป็นการแจกเครดิตให้กับประชาชนด้วย “กองทุนเครดิตประชาชน” ซึ่งเป็นนโยบายของพรรคไทยสร้างไทย ที่จะสร้างความยั่งยืนและเกิประโยชน์ ครอบคลุมทั้งสามด้าน
1) ประโยชน์ต่อประชาชน จะได้รับโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนดอกเบี้ยต่ำ เพื่อเอาไปตั้งตัวทำมาหากิน โดยเริ่มต้นให้เครดิต 10,000 บาท ดอกเบี้ยเพียง 1%ต่อเดือน แทนการกู้นอกระบบที่สูงถึง 240% ต่อปี กู้โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ผ่อนระยะยาว เมื่อรักษาเครดิตได้ จะขยับเงินกู้เพิ่มขึ้นตามเครดิตที่รักษาจนถึง 100,000 บาท ซึ่งประชาชนจะรักษาเครดิต เพราะเค้าจะมีแหล่งเงิน ดอกเบี้ยถูก ไว้ใช้ในการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ไปตลอดชีวิต อย่างกองทุนหมู่บ้านในอดีตหรือธนาคารคนจนในบังคลาเทศจะเห็นว่ามีหนี้เสียน้อยมาก การจะช่วยประชาชนต้องแจกเบ็ดไม่ใช่แจกปลา การให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อให้เขาได้มีโอกาสสร้างเนื้อสร้างตัวคือการแจกเบ็ด แต่การแจกเงินกินใช้หมด ก็กลับไปจนเหมือนเดิม แถมมีเงื่อนไขแจกเป็นเงินดิจิทัล เงินก็จะหมุนเข้าไปสู่รายใหญ่มากกว่ารายเล็ก
2) ประโยชน์ต่อประเทศชาติ และลูกหลานไทยในอนาคต ไม่ต้องเสี่ยงเป็นหนี้ที่ไม่คุ้มกับการกู้ที่สูงถึง 5 แสนล้าน
3) ประโยชน์ต่อรัฐบาล โดยรัฐบาลมาปล่อยเครดิตให้กับประชาชนในอัตราดอกเบี้ย 1% ต่อเดือน หรือเท่ากับ 12% ต่อปี ซึ่งต้นทุนการเงินของรัฐบาลมีไม่เกิน 4% ต่อปี รัฐบาลมีส่วนต่างดอกเบี้ย 8% เอาไว้บริหารจัดการจัดการและบริหารความเสี่ยง
รัฐบาลต้องบริหารประเทศโดยไม่มีวาระแอบแฝงเพื่อประโยชน์ของกลุ่มทุนและ พรรคพวกตนเอง แต่ต้องมุ่งช่วยประชาชนคนตัวเล็ก และสร้างความยั่งยืน ให้เศรษฐกิจของประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สุดารัตน์-พรรณิการ์-วทันยา จับมือเพื่อลดอคติทางเพศและประเทศไทยที่ดีขึ้น
ไทยสร้างไทย เตือนรัฐบาลระเบิดเวลาเศรษฐกิจไทยคือหนี้ครัวเรือน และหนี้ SMEs
สุดารัตน์ ฟาด งบประมาณปี 67 ไม่ตรงปก ไม่ต่างยุค ประยุทธ์ ฝ่ายค้านจ่อจัดหนัก