"ชูศักดิ์" รับทักษิณ เป็นศูนย์รวมจิตใจของเพื่อไทย เชื่อไม่เป็นปัจจัยความแตกแยก ส่วนเรื่องการอายัดตัวคดี ม.112 มีทีมกฎหมายดำเนินการอยู่ ย้ำ ให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม
นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร จะได้รับพักโทษในช่วงวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ จะเป็นศูนย์รวมอำนาจทางการเมืองหรือไม่ว่า เป็นการวิเคราะห์ของคอการเมือง หรือผู้เจนจัดทางการเมือง โดยพิจารณาจากเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมา พร้อมยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยมีความเป็นปึกแผ่น มีหัวหน้าพรรคและผู้บริหารของพรรค ที่จะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ด้วยความเป็นอิสระ
พร้อมมองว่าการออกมาของนายทักษิณครั้งนี้ไม่ได้มีปัจจัยอะไรที่จะสะเทือนต่อพรรคเพื่อไทย หรือสะเทือนต่อรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ด้วยเชื่อมั่นว่ารัฐบาลทำหน้าที่อย่างความเป็นปึกแผ่น โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่อย่างเต็มที่อย่างขยันขันแข็ง จึงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ตามที่มีการวิเคราะห์กัน ขอให้รัฐบาลทำงานไปและอดีตนายกรัฐมนตรีก็ทำหน้าที่ไป ในฐานะประชาชน
นายชูศักดิ์ ยังกล่าวถึงจุดยืนพรรคเพื่อไทย ว่า สามารถรับฟังความเห็นการวิพากษ์วิจารณ์ของฝ่ายต่างๆได้ หากมีการคัดค้านตูดความเห็นต่าง แต่ควรอยู่ในครรลองของกฎหมาย อยู่ในความสงบเรียบร้อยไม่ทำให้เกิดความแตกแยก ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีความชัดเจนว่าไม่นิยมความรุนแรง ที่ไม่นำพาประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้า ไม่เชื่อว่าเหตุการณ์จะกลับมาซ้ำรอยความขัดแย้งระหว่างกลุ่มสีเสื้อเหลือง-แดง
"ปัจจุบันรัฐบาลประกอบด้วยหลายพรรคการเมือง พรรคที่เคยเห็นไม่ตรงกัน ก็มาร่วมมือจัดตั้งรัฐบาล เพราะเงื่อนไขทางการเมืองเปลี่ยนแปลงไป เงื่อนไขปัจจัยไม่เหมือนเมื่อก่อน" นายชูศักดิ์กล่าว
นายชูศักดิ์ เชื่อว่าด้วยประสบการณ์ของนายทักษิณ และความรู้ความสามารถในอดีต เป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเป็นบุคลากรของประเทศ หากเสนอข้อแนะนำอะไรหวังว่าจะเป็นประโยชน์ทำให้พรรคเพื่อไทยเข้มแข็งขึ้น แต่ต้องยอมรับว่านายทักษิณเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนเพื่อไทย ตั้งแต่ยุบพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน เปรียบเหมือนเป็นกำลังใจให้พรรคเพื่อไทย ขณะเดียวกันพรรคเพื่อไทยก็ต้องเข้มแข็งยืนด้วยความรู้ความสามารถของบุคลากรที่มีอยู่
ส่วนกรณีที่จะมีการอายัดตัวนายทักษิณในคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ชี้ให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม และเห็น ว่า ไม่ควรวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะต้องไปในทางไหน ซึ่งที่ผ่านมามีการคาดหวังว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้จึงเกิดความแตกแยก สำหรับกระบวนการของตำรวจที่จะอายัดตัวให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมซึ่งนายทักษิณก็มีทีมกฎหมายดำเนินการอยู่แล้ว