svasdssvasds

สรุปให้ นายกฯ เล็งดึง "ตำรวจจีน" ลาดตระเวนในไทย ปราบจีนสีเทา นทท.จีนอุ่นใจ

สรุปให้ นายกฯ เล็งดึง "ตำรวจจีน" ลาดตระเวนในไทย ปราบจีนสีเทา นทท.จีนอุ่นใจ

สรุปให้ กระแสโซเชียล วิจารณ์หนัก หลังนายกฯ เล็งดึง "ตำรวจจีน" เข้ามาลาดตระเวนในไทย ยกระดับความปลอดภัย สร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวจีน ด้านโฆษกรัฐบาลแจงวุ่น ยืนยันไม่ได้ลาดตระเวน แค่ทำงานร่วมกับตำรวจไทย สุทธิชัย หยุ่น ฉะใครเสนอความคิดนี้ให้นายกฯ ผมอายเขา!

จากกรณีที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้หารือมาตรการรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยวร่วมกับ น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พร้อมทั้งได้สั่งการให้ตำรวจท่องเที่ยว และททท. เร่งสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาเที่ยวที่ประเทศไทยในช่วงสิ้นปีนี้

โดยทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติแจ้งว่า ได้มีการปราบปรามอาวุธปืน ยึดปืนที่ไม่ถูกกฎหมาย ตลอดจนปัญหาเรื่องกลุ่มทุนจีนสีเทา และ fake news ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาด้วย นายกฯมั่นใจว่า ประเทศไทยมีความพร้อมและมีความปลอดภัยในการต้อนรับนักท่องเที่ยว

 ทั้งนี้ ในส่วนของตลาดนักท่องเที่ยวจีนนั้น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และททท. จะได้มีการพูดคุยกับสถานทูตจีนในวันที่ 15 พ.ย. 2566 ที่จะทำโครงการลาดตระเวน โดยจะนำตำรวจจีนมาที่เมืองไทย ในสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นเมืองหลัก ซึ่งโครงการนี้คล้ายกับที่เคยมีการทำในยุโรปแล้ว เช่น อิตาลี

แต่ยังไม่ลงรายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนและเมือง เมื่อโครงการนี้ออกมาจะทำให้เห็นความพร้อมในการยกระดับรับนักท่องเที่ยวในเรื่องความปลอดภัย และมั่นใจว่าโครงการนี้ จะช่วยทำให้ตัวเลขการท่องเที่ยวจีนช่วง 2 เดือนสุดท้าย เป็นไปตามเป้าเดิม ที่กำหนดไว้ที่ 4-4.4 ล้านคน

ทั้งนี้เพื่อรองรับโครงการนี้ ประเทศไทยจะได้มีการเตรียมความพร้อมในเรื่องของการยกระดับความปลอดภัย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวจีนได้อย่างมาก

ส่วนเหตุผลความจำเป็นที่ต้องให้ตำรวจจีนเข้ามาประเทศไทยนั้น เพราะเราต้องการให้ตำรวจจีนเห็นการทำงานของประเทศไทยว่า เรายกระดับเรื่องความปลอดภัยอย่างไรบ้าง ให้เขาเป็นกระบอกเสียงส่งต่อให้กับนักท่องเที่ยวจีน เพราะคนจีนกลัวตำรวจมาก ถ้าตำรวจของเขามา จะสร้างความมั่นใจให้กับเมืองไทย ก็จะช่วยยกระดับความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวจีนอีกขั้นหนึ่ง

หลังกระแสตำรวจจีนที่เกิดขึ้น ชาวเน็ตได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งการทำหน้าที่ของตำรวจไทย ที่ต้องนำเข้าตำรวจจีน รวมถึงเรื่องอธิปไตยและศักดิ์ศรีของชาตินั้นๆ 

ต่อมา นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณี มาตรการรักษาความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวจีนเกิดความเชื่อมั่นว่า จากการประชุมหารือเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 12 พฤศจิกายน 2566 ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพียง 1.30 ชั่วโมง ก่อนนายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ที่สหรัฐฯ

ในการหารือ ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้หารือเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจีน โดยเฉพาะปัญหาความปลอดภัยจากคนจีนกลุ่มสีเทาที่เข้ามาสร้างปัญหาในประเทศไทย

สตช. รายงานว่า พฤติกรรมของอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในมุมของคนจีนที่มาท่องเที่ยวเมืองไทย พบว่าพวกกลุ่มคนจีนสีเทา มีความเกรงกลัวตำรวจจีนด้วยกันเอง และนักท่องเที่ยวจีนจะรู้สึกปลอดภัยเป็นพิเศษจากพวกเกเรทั้งหลายที่เป็นคนจีนด้วยกัน แต่มารังแกคนจีนที่มาท่องเที่ยวไทย หากมีตำรวจจีนมาช่วยดูแล เขาจะรู้สึกเชื่อมั่นเป็นพิเศษ

ดังนั้น ตำรวจไทยจึงคิดว่า กลยุทธ์ที่ดีที่สุดในการกำราบกลุ่มจีนสีเทา คือขอให้ตำรวจจีนเป็นผู้ช่วยในการปฏิบัติงาน ซึ่งปกติการทำงานร่วมกันของตำรวจสากลมีการทำงานร่วมกันอยู่แล้ว เพียงแต่ครั้งนี้แสดงออกให้เห็นชัดเจนขึ้น เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจไทยได้รับข้อมูลและเบาะแสที่แม่นยำรวดเร็วขึ้น

ซึ่งตำรวจจีนมีข้อมูลและมีเบาะแสพร้อมจะให้ความร่วมมือกับตำรวจไทยเต็ม 100% และพร้อมจะให้ข้อมูลชี้เบาะแสล่วงหน้า ป้องกันไม่ให้พวกคนจีนที่คิดไม่ดีมาก่อเหตุ และทำให้เสียบรรยากาศการท่องเที่ยวในประเทศไทยของคนจีน รวมถึงนักท่องเที่ยวจีนมีความเชื่อมั่นถ้ามีตำรวจจีนมาร่วมทำงานกับตำรวจไทย

โฆษกประจำสำนักนายกฯ ย้ำว่า ข่าวที่จะให้ตำรวจจีนมาตระเวนดูแลความปลอดภัยไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ความจริงเพียงแค่มาร่วมมือทำงานและให้ข้อมูลเบาะแสเพื่อให้ตำรวจไทยทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าประเทศไทยเป็นเอกราช ทำไมต้องใช้ตำรวจจีนมาลาดตระเวน

เรื่องที่มีลักษณะสร้างสรรค์ เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติแบบนี้ ทำไมต้องบิดเบือน และลากให้ไปโยงกับเรื่องของศักดิ์ศรีของประเทศเช่นนั้น ขออย่าได้เล่นเกมวาทะกรรมทางการเมืองกันจนเกินกว่าเหตุเช่นนี้เลย

ล่าสุดวันนี้ (13 พ.ย.66) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายรังสิมันต์ โรม  สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ หรือ กมธ.ความมั่นคงฯ พร้อมคณะ ได้เปิดเผยก่อนเข้าหารือกับ  พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และคณะ ว่าวันนี้เดินทางมาเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

โดยจะมีการหารือในหลายประเด็น ร่วมทั้งเรื่องส่วยรถบรรทุก แนวคิดของรัฐบาลเกี่ยวกับการนำตำรวจจีนเข้ามาดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวจีนในประเทศไทย และการช่วยเหลือคนไทยที่ติดอยู่ในเมืองเล่าก์ก่าย เมืองย่างกุ้งประเทศเมียนมา ซึ่งการหารือในวันนี้  ไม่ได้อยากให้มองว่าเป็นการกดดันเจ้าหน้าที่ แต่เป็นลักษณะของการบูรณาการ การทำงาน เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง

โดยเฉพาะประเด็นการนำตำรวจจีนเข้ามาในประเทศไทย เรื่องดังกล่าวมีผลกระทบในหลายมิติ มีทั้งข้อดีและข้อเสีย โดยในประเทศอิตาลี ที่เคยใช้วิธีดังกล่าว ได้มีการยกเลิกวิธีดังกล่าวไปแล้ว ดังนั้นต้องมีการพูดคุยถึงรายละเอียดว่าหากไทยนำวิธีนี้มาใช้จะคุ้มค่าหรือไม่ และตำรวจไทยคิดเห็นหรือมีแนวทางอย่างไรในการปฏิบัติ 

ผมเป็นคนไทย ผมอายเขา!

นอกจากนี้ยังมีการวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นนี้จากสุทธิชัย หยุ่น คนข่าวมากประสบการณ์ ผู้คร่ำหวอดในวงการสื่อมวลชน ได้โพสต์ข้อความผ่าน X (ทวิตเตอร์) @suthichai ระบุว่า 

ทีมงานนายกฯทำการบ้านด้วยครับ!

เรื่องตำรวจจีนไปลาดตระเวณที่อิตาลี เขาเลิกไปแล้วเพราะมันมีปัญหาหลายประการ และยังมีรายงานจากข้อกล่าวหาของ Safeguard Defenders ว่าตำรวจจีนถูกส่งไปต่างแดนเพื่อสอดแนม-รวบตัวพวกที่ตำรวจจีนตามตัวอยู่ทั้งด้านการเมืองและอาชญากรรม

โฆษกรัฐบาลที่ออกมาปฏิเสธ หาว่าข่าวคลาดเคลื่อน มีคนดึงเข้าประเด็นการเมือง ช่วยไปอ่านที่ผู้ว่า ททท. ให้สัมภาษณ์นักข่าวด้วยครับ

ใครเสนอความคิดนี้ให้นายกฯ ครับ? ผมเป็นคนไทย ผมอายเขา!

 

ด้านนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล เผยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า จริงๆ ถ้าร่วมมือการข่าวน่าจะได้อยู่ และน่าจะทำอยู่แล้ว แต่แบบนี้เราไปเซ็นสนธิสัญญา “เป๋าหลิง” คล้ายๆ สนธิสัญญาเบาว์ริ่งไปแล้วหรือไม่

คำถามคือ ตร.จีนมาลาดตระเวนเฉยๆ มีอำนาจจับกุมไหม

  • ใช้กฎหมายใดบังคับจับกุม
  • ผู้ต้องสงสัยขึ้นศาลไทยอย่างเดียว หรือก่อน หรือส่งตัวกลับจีนเลย

ผมยืนยันในฐานะ กมธ.ท่องเที่ยวเราก็อยากให้ นทท.มั่นใจมาเที่ยวไทยอย่างสนุกสนานประทับใจ

ตร.จีนมาลาดตระเวนเฉยๆ มีอำนาจจับกุมไหม

ขอบคุณภาพจาก xinhuathai

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related