ปมเดือด สส. ก้าวไกลคุกคามทางเพศ กลุ่ม สส.หญิงแห่ขึ้นปกดำ ด่าหน้าด้าน ปิยบุตร ร่ายยาวทำเสียความเชื่อมั่น ผลพวงจากการไม่กล้าเผชิญหน้ากับปัญหา ไม่กล้ายอมรับผิด คิดถึงเรื่องของตนเองมากกว่าเรื่องส่วนรวม
นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคและสส.ของพรรคก้าวไกล เพื่อหาข้อยุติกรณีข้อกล่าวหา สส.มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ 2 กรณี คือ นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี พรรคก้าวไกล และนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล โดยระบุว่า ทั้ง 2 กรณี มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศจริง ขัดต่อวินัยพรรคขั้นร้ายแรง โดย ที่ประชุมมีมติ ให้ขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรค
ขณะที่นายไชยามพวาน เสียงส่วนใหญ่ เห็นควรให้ขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรค 106 เสียง แต่เนื่องจากว่าเสียงไม่ถึง 3 ใน 4 คือ 116 เสียง ของจำนวนคณะกรรมการบริหารพรรคและสส. ที่มีอยู่ จึงไม่สามารถมีมติที่จะขับนายไชยามพวาน ออกจากพรรคได้ แต่ที่ประชุมเห็นว่าควรจะตัดสิทธิ์พึงมีทั้งหมด และให้คาดโทษไปตลอดสมัยประชุม หากมีพฤติกรรมใดๆ ที่เข้าข่ายคุกคามทางเพศอีก จะต้องให้พ้นจากสมาชิกพรรค
นอกจากนี้ที่ประชุมเห็นว่า นายไชยามพวานจะต้องออกมายอมรับผิดและขอโทษต่อสังคมและขอโทษต่อผู้เสียหายทั้งหมด รวมถึงจะต้องชดเชยเยียวยาตามที่ผู้เสียหายต้องการ หากนายไชยามพวานยืนยันว่าตนเองไม่ได้กระทำผิด ไม่ยินดีที่จะขอโทษต่อผู้เสียหาย และไม่ยินดีที่จะชดใช้ความผิดของตนเอง ก็จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคและ สส.พรรคก้าวไกลร่วมกันอีกครั้งเพื่อมีมติต่อไป
ขณะที่เหล่าสมาชิกหญิง พรรคก้าวไกล ต่างขึ้นปกดำ หลัง นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ หรือ ‘ปูอัด’ ไม่ถูกขับออกจากพรรค
โดย เนอส ภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย สก.บางซื่อ ได้โพสต์ปกดำใน ( X ) พร้อมคลิปของนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ กรณีของนายไชยามพวาน โดยได้ระบุข้อความว่า
"หน้าด้าน ไม่มีความละอายแก่ใจ เป็นคนให้ได้ก่อนค่อยเป็นผู้แทนประชาชน"
ในการเคลื่อนไหวโดยการขึ้นปกดำในครั้งนี้ยังมี นางสาวศศินันท์ ธรรมนิธินันท์ หรือ ทนายแจม สส.กรุงเทพฯ และ นางสาวภัสรินทร์ รามวงศ์ สส.กรุงเทพ อีกด้วย
ด้าน ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการคณะก้าวหน้า ก็ได้ออกมาร่ายยาวถึงประเด่นนี้เช่นกัน โดยระบุว่า...
การใช้อำนาจที่ได้จากตำแหน่งของตนไปจูงใจล่อลวงบุคคลอื่นให้กระทำการตามที่ตนต้องการเพื่อแลกเปลี่ยนกัน โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวพันกับเรื่องทางเพศ เป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้ในยุคสมัยนี้
หากพรรคก้าวไกลต้องการยกระดับมาตรฐานในเรื่องเหล่านี้ ต้องการป้องกัน ต่อต้านการคุกคามทางเพศและความรุนแรงทางเพศภายในองค์กรหรือสถานที่ทำงาน ให้ได้ ตามที่โฆษณาไว้จริง
ผลมติที่ออกมาวันนี้ นับว่าน่าผิดหวัง (แน่นอน ส่วนหนึ่งมาจากรัฐธรรมนูญไปบังคับว่าต้องใช้จำนวนถึง 3 ใน 4 ของจำนวน ส.ส.และกรรมการบริหารพรรค ซึ่งถือว่าสูงมาก)
แต่เรื่องแบบนี้ เมื่อทั้งคณะกรรมการวินัยของพรรค และทั้งคณะกรรมการบริหารพรรค มีมติว่ามีการกระทำความผิดร้ายแรงแล้ว หาก ส.ส.ผู้ถูกร้องรู้จักมาตรฐานใหม่ในทางการเมืองอยู่บ้าง รู้จักความรับผิดชอบต่อผู้เสียหาย พรรค เพื่อน ส.ส.คนอื่น ผู้สนับสนุนพรรค และสังคมอยู่บ้าง คิดถึงตำแหน่งหัวโขนที่พึ่งได้มาอย่าง ส.ส. ให้น้อยลงบ้าง ส.ส.ผู้ถูกร้องก็ควรแสดงความรับผิดชอบ โดยไม่ต้องมาถึงวันนี้ที่พรรคต้องใช้กลไกตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ที่ประชุม ส.ส.ต้องมาลงมติ
เหตุการณ์คราวนี้ดำเนินมาถึงตอนนี้ ไม่มีใครได้ มีแต่เสียกันทุกฝ่าย
ผู้ร้อง ผู้เสียหาย ถูกกระทำ และถูกกระทำซ้ำอีกทุกครั้งเมื่อต้องชี้แจงหรือถูกสื่อตามสัมภาษณ์ และถูกกระทำซ้ำๆอีก เมื่อไม่มีการแสดงความรับผิดชอบใดๆ
พรรคก้าวไกลเสียหาย ถูกโจมตี วิจารณ์ ไม่ใช่แค่กรณีเรื่องการคุกคามทางเพศเท่านั้น แต่ยังทำให้ประชาชน พ่อแม่ผู้ปกครอง ไม่ไว้ใจ ไม่มั่นใจ ที่จะให้ลูกหลานของเขาได้เข้ามามีส่วนร่วมเป็นอาสาสมัครหรือทำงานกับคนของพรรค
ส.ส.ผู้ถูกร้อง เมื่อไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ ก็จะถูกตำหนิประณามไปตลอด อนาคตทางการเมืองน่าจะไปต่อได้ยากมาก
ส.ส.ในพรรค ต้องมาประชุม อภิปราย ลงมติ เกิดความแตกแยก กินแหนงแคลงใจกันในพรรค
พนักงานพรรค ทีมงาน เสียความเชื่อมั่น ความนับถือในตัว ส.ส. ไม่อยากปฏิบัติงานให้อีกต่อไป เสียกำลังใจและหมดพลัง
ทั้งหมดนี้ คือ ผลพวงจากการไม่กล้าเผชิญหน้ากับปัญหาอย่างตรงไปตรงมา ไม่กล้ายอมรับผิด ไม่กล้าแสดงความรับผิดชอบ คิดถึงเรื่องของตนเองมากกว่าเรื่องส่วนรวม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง