"ไทยสร้างไทย" เสนอ รัฐบาลแจกเครดิตให้ประชาชน แทนการแจกเงินดิจิทัล 10,000 เพื่อให้ประชาชนได้มีทุนตั้งตัว ไม่ใช่แจกเงินเพียงครั้งเดียว และถ้ารักษาเครดิตได้ วงเงินจะเพิ่มเป็น 50,000 บาท จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ยั่งยืน พร้อมแก้หนี้นอกระบบไปในตัว
พรรคไทยสร้างไทย ออกแถลงการณ์ เสนอให้แจกเครดิต ให้ประชาชนแทนการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะช่วยลดภาระหนี้สาธารณะ เป็นการให้ทุนตั้งตัวแก่ประชาชน และแก้ปัญหาหนี้นอกระบบไปพร้อมกัน โดยมั่นใจว่าเป็นการสร้างความยั่งยืนให้กับพี่น้องประชาชน มีโอกาสสร้างเนื้อสร้างตัว สร้างอาชีพ สร้างงานสร้างรายได้ เพราะจากการศึกษาและรับฟังความเห็นอย่างรอบด้านพบว่า โครงการ แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบการเงินการคลังของประเทศ ได้ไม่คุ้มเสีย รวมถึงรัฐบาลก็ยังไม่มีความชัดเจนเพียงพอโดยเฉพาะแหล่งที่มาของเงิน
ขณะเดียวกัน เห็นว่าปัจจุบันยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินจำนวน 560,000 ล้านบาท มาแจกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในลักษณะการบริโภค แต่ควรนำไปทำนโยบายที่ยั่งยืนและเกิดผลระยะยาวมากกว่า จึงมีข้อเสนอและหลักคิดว่า คนส่วนใหญ่ที่เป็นคนตัวเล็กล้วนไม่มีเงินจับจ่ายใช้สอยและลงทุนทำมาหากินตามฐานานุรูปของตน คนตัวเล็กที่เรากำลังพูดถึง มีมากกว่า 36 ล้านคน คนเหล่านี้ไม่มีโอกาสเข้าสู่ระบบธนาคารที่ให้กู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำได้เลย พวกเขาต้องพึ่งเงินกู้นอกระบบที่อัตราดอกเบี้ยสูงกว่า 120 - 240% ต่อปี จึงไม่มีทางจะมีชีวิตที่ดีและมั่นคงได้ ตรงกันข้ามกับ นายทุนขนาดใหญ่ และทุนพรรคพวกผูกขาด เสียดอกเบี้ยเพียง 3 - 8% ต่อปีเท่านั้น
ดังนั้น รัฐควรแก้ปัญหาที่กล่าวมาด้วยการออกพันธบัตรกู้ยืมเงินจากคนที่มีเงินในอัตราดอกเบี้ยประมาณ 3.5 - 4% ต่อปี เพื่อมาปล่อยเครดิตให้กับคนตัวเล็กประมาณ 20 ล้านคน (โดยใช้ฐานบัตรคนจนและการสมัครขอรับเครดิตเพิ่มเติม) ในอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 12% ต่อปี หรือไม่เกิน 1% ต่อเดือน
วิธีการนี้คือ การแจกเครดิต ให้กับคนประมาณ 20 ล้านคน คนละ 10,000 บาท เพื่อนำร่อง ซึ่งจะใช้เงินประมาณ 200,000 ล้านบาท ลดขนาดลงไป 360,000 ล้านบาท โดยมีหลักการเบื้องต้น คือ
พรรคไทยสร้างไทยเชื่อว่า ปรัชญาและเป้าหมายของวิธีการนี้ คือ การทำให้ประชาชนคนตัวเล็กเข้าถึงเงินทุนดอกเบี้ยต่ำโดยเน้นการสร้างความรับผิดชอบและวินัยให้แก่พวกเขา เพื่อให้มีชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและมั่นคง ไม่ใช่มองเขาแบบคนรอรับการแจกเงิน ถ้าประชาชนราว 36 ล้านคน มีเครดิตดอกเบี้ยต่ำใกล้เคียงกับธุรกิจขนาดใหญ่ พวกเขาจะเป็นพลังการผลิต และพลังบริโภคที่มหาศาล
ดังนั้นหากรัฐต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะระดับฐานรากและ SMEs ให้มีพลังพลวัตยิ่งขึ้น ก็ควรทำร่วมกับการพักใช้กฎหมายการขออนุมัติ ซึ่งมีราว ๆ 1,500 กระบวนการ ไว้ชั่วคราว 3 - 5 ปี คงเหลือที่จำเป็นจริง ๆ เท่านั้น เพื่อปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย กฎระเบียบต่างๆ โดยให้ผู้ประกอบการไปจดแจ้งกับเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแทน ซึ่งจะเป็นการลดการเสียเวลา ตลอดจนลดค่าใช้จ่ายทั้งในและนอกระบบของประชาชนอย่างมหาศาล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง