svasdssvasds

ทุก 15 นาที มีเด็กชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศอย่างน้อย 1 คน

ทุก 15 นาที มีเด็กชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศอย่างน้อย 1 คน

กระทรวงสาธารณสุขที่ดำเนินการโดยกลุ่มฮามาสอ้าง มีเด็กเสียชีวิตทะลุ 2,000 คนแล้ว นับตั้งแต่อิสราเอลเริ่มโจมตีทางอากาศ ส่วนองค์กรช่วยเด็กเหลือเรียกร้องให้มีการหยุดยิงทันที

วันอังคารที่ 17 ตุลาคม 2566 "องค์กรช่วยเหลือเด็กระหว่างประเทศ (Save the Children)" รายงานว่า มีเด็กมากกว่า 1,000 คนถูกสังหารนับตั้งแต่อิสราเอลเริ่มการโจมตีทางอากาศในวันที่ 7 ตุลาคม 2566 ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 3 ของผู้เสียชีวิตทั้งหมดในฉนวนกาซา โดยทุก 15 นาที มีเด็กชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศอย่างน้อย 1 คน พร้อมกับออกมาเรียกร้องให้หยุดยิงทันที

ส่วนกระทรวงสาธารณสุขของฉนวนกาซาที่ดำเนินการโดยกลุ่มฮามาส อ้างว่า ณ เวลานี้ มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตแล้ว 5,087 คน โดยในจำนวนนี้มีเด็กมากกว่า 2,000 คน ผู้หญิงอีกกว่า 1,400 คน และมีผู้บาดเจ็บประมาณ 15,000 คน

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการยืนยันจากฝ่ายอื่นว่าตัวเลขจากฝั่งฉนวนกาซานี้ถูกต้องมากแค่ไหน แต่ทุกฝ่ายยอมรับว่ามีที่เด็กเสียชีวิตในความขัดแย้งครั้งนี้เป็นจำนวนมาก และจะเพิ่มขึ้นอีกหากไม่มีการแทรกแซงจากนานาชาติ

น้ำกำลังจะหมด และเด็กๆ กำลังจะตาย

 

“น้ำกำลังจะหมดลง และเวลาของเด็กๆ ก็กำลังจะหมดลงเช่นกัน” เจสัน ลี (JASON LEE) ผู้อำนวยการองค์กร "SAVE THE CHILDREN'S COUNTRY" กล่าว พร้อมกับเน้นย้ำให้ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่กำลังจะประชุมกันอีกครั้งเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งครั้งนี้ ให้หาทางหยุดยิงทันที เพราะเด็กๆ หลายพันชีวิตกำลังต้องการความช่วยเหลือ

แม้จะมีรายงานว่า อิสราเอลได้ฟื้นฟูแหล่งน้ำไปยังฉนวนกาซาตอนใต้ซึ่งเป็นพื้นที่อพยพที่ประชาชนจำนวนมากใช้หลบภัยจากสงครามทางตอนเหนือไปแล้วในวันที่ 15 ตุลาคม 2566 แต่ เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม แต่ปั๊มน้ำก็หยุดทำงาน เนื่องจากพื้นที่ตรงนั้นขาดแคลนพลังงานไฟฟ้า

 

เด็ก ๆ ได้รับความช่วยเหลือ หลังจากชาวปาเลสไตน์หลายร้อยคนเสียชีวิตในเหตุระเบิดที่ โรงพยาบาล อัล อาห์ลี (Al-Ahli Hospital) ในฉนวนกาซา ซึ่งเจ้าหน้าที่อิสราเอลและปาเลสไตน์กล่าวโทษกันและกัน

ส่วนเวลานี้ องค์การสหประชาชาติเชื่อว่าโรงพยาบาลทุกแห่งในฉนวนกาซาเหลือ เชื้อเพลิงเหลือใช้เพียงประมาณ 48 ชั่วโมง ซึ่งถ้าหมดลง จะทำให้ชีวิตผู้ป่วยชาวปาเลสไตน์รวมถึงเด็กหลายพันคนตกอยู่ในความเสี่ยงทันที

 

เสียงกรีดร้องของเด็กๆ นั้น ยากจะได้ยินท่ามกลางไฟสงคราม

 

“ไซมอน ทิสดัลล์ (Simon Tisdall)” บรรณาธิการข่าว The Guardian กล่าวว่า “ชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า มีเด็กถูกฆ่า ทำให้พิการ และบอบช้ำทางจิตใจ ในขณะสหรัฐอเมริกาล้มเหลวที่จะเข้าไปแทรกแซง”

เขาให้ความเห็นว่า เมื่อรัฐบาลและผู้นำที่ทรงพลังซึ่งมีอำนาจระดับโลก ได้ละเลย เสแสร้ง และเห็นแก่ผลประโยชน์ตัวเอง ปล่อยให้โศกนาฏกรรมครั้งนี้เกิดขึ้น ซึ่งใครกันจะลงโทษพวกเขาได้?

คำตอบก็คือเหล่าเด็กๆ และผู้รอดชีวิตในฉนวนกาซา เพราะเมื่อพวกเขามีโอกาสตอบโต้ การตัดสิน และการแก้แค้นของพวกเขาก็อาจจะโหดร้าย ไม่ยุติธรรม และไม่เลือกปฏิบัติเช่นกัน

ไซมอนเล่า จากรายงานตอนนี้ มีเด็กในฉนวนกาซาได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 3,250 คน โดย 1,240 คนจำเป็นต้องได้รับการดูแลเฉพาะทาง หลายคนมีแผลไฟไหม้ และสูญเสียแขนขา แต่โรงพยาบาลและคลินิกจำนวนมากได้รับความเสียหาย ถูกทำลาย และขาดแคลนเวชภัณฑ์ เนื่องจากการปิดล้อมและการโจมตีทางอากาศของกองทัพอิสราเอล

ชายชาวปาเลสไตน์กำลังอุ้มร่างของเด็ที่เสียชีวิตในเมืองคานยูนิส (Khan Younis)

ในฉนวนกาซามีประชากร 2.3 ล้านคน ซึ่งมีประชากรเด็กมากถึง 47 % (เทียบกับ 22% ในสหรัฐฯ และ 33% ในอิสราเอล) ที่ต้องตกอยู่ในความขัดแย้งนี้มานานหลายปี โดยรายงานจากปีที่แล้ว ระบุว่ามีเด็ก ๆ มากถึง 4 ใน 5 เขาประสบกับภาวะซึมเศร้า ความกลัว และคิดจะฆ่าตัวตาย ซึ่งมีผลมาจากสงครามเรื้อรัง ซึ่งการปะทะกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าระหว่าง กองกำลังอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ส่งผลกระทบกับจิตใจของเยาวชนโดยตรง และกำลังแย่ลงเรื่อยๆ เพราะต้องได้ยินเสียงระเบิดตลอดเวลา

เนื่องจากอิสราเอลประกาศให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มฮามาส อพยพลงใต้ ทำให้เด็ก ๆ ที่พลัดหลงกับครอบครัว เด็กกำพร้า หรือเด็กที่ไม่มีที่ให้หนี อาจถูกมองว่าเป็น เป็นผู้ร่วมขบวนการก่อการร้ายได้ หากพวกเขาปรากฏตัวผิดที่ผิดเวลา ซึ่งการสังหารพลเรือน โดยเฉพาะเด็ก ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายภายใต้กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ อนุสัญญาเจนีวาปี 1949 ที่ว่าด้วยเด็กจะต้องได้รับการคุ้มครองและปฏิบัติอย่างมีมนุษยธรรม ซึ่งอิสราเอลได้ให้สัตยาบันในอนุสัญญานี้เมื่อปี 1951 แต่ดูเหมือนว่า ณ เวลานี้ อิสราเอลจะไม่คำนึงถึงชีวิตของพลเรือนจนน่าตกใจ

ผลกระทบระยะยาวของการก่อการร้าย ความบอบช้ำทางจิตใจ และการตกเป็นเหยื่อในฉนวนกาซาอย่างไร้ความปรานีอย่างต่อเนื่องนั้นน่ากังวล เพราะผู้รอดชีวิตจะเติบโตมาด้วยความหวาดกลัว ความโกรธ และมองหาการแก้แค้น ซึ่งจากการศึกษาจากในอดีต ระบุบว่าหลายคนจะเติบโตมาเป็นเช่นนั้น

“พวกเขาจะถามว่าใครฆ่าพี่น้อง พ่อแม่ หรือเพื่อนของพวกเขา พร้อมกับถามว่าทำไมพวกเขาถึงทำเช่นนั้น และโลกทำอะไรบ้างเพื่อหยุดการเข่นฆ่าครั้งนี้ พวกเขาถูกหลอกหลอนโดยความทรงจำอันขมขื่นของเลือดและน้ำตา ซึ่งพวกเขาจะเรียกร้องหาความยุติธรรม และบางคนจะทำเหมือนที่อีกมากเคยทำมา คือจัดการด้วยตัวเองที่ใดก็ได้ที่พวกเขาทำได้” ไซมอน กล่าว

อ้างอิง : The Guardian

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

 

 

 

related