ทำความรู้จัก IDF กองกำลังป้องกันตนเองของอิสราเอลที่มีขนาดเล็ก แต่เข้มแข็ง และผู้หญิงก็ต้องเกณฑ์เป็นทหารด้วย
กองกำลังป้องกันตนเองของอิสราเอล หรือ IDF คือกองกำลังแห่งชาติของอิสราเอล ซึ่งประกอบไปด้วยสามหน่วยรบ ได้แก่ กองทัพบก กองทัพอากาศ และนาวิกโยธิน ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ปี 1948 และเริ่มปฏิบัติการในฐานะกองทัพทหารเกณฑ์ แต่สิ่งที่ทำให้กองกำลัง IDF เป็นกองกำลังที่แตกต่างจากอีกหลายประเทศ เพราะที่นี่มีการเกณฑ์ผู้หญิงเข้าเป็นทหารด้วย
เนื่องจากประชากรอิสราเอลไม่ได้มีจำนวนมากเท่าใดนัก และด้วยความที่เป็นประเทศที่มีเหตุความไม่สงบเกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้งในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา กองทัพอิสราเอลจึงจำเป็นต้องให้คนหนุ่มสาวเกณฑ์ทหาร
เมื่ออายุ 18 ปี หนุ่มสาวชาวอิสราเอลต้องเกณฑ์ทหาร โดยผู้หญิงจะเข้ารับการฝึกอยู่ในกองทัพเป็นเวลา 24 ส่วนผู้ชายจะรับการฝึก 34 เดือน หลังเสร็จสิ้นพวกเขาก็จะกลายเป็นกำลังพลสำรอง
IDF อาจจะเรียกกำลังพลสำรองให้กลับมารับใช้ชาติในสองรูปแบบ
และการปฏิเสธไม่ยอมเข้าร่วมกองทัพจะถือว่ามีความผิด โดยบทลงโทษส่วนใหญ่คือการจำคุก ซึ่งโทษสูงสุดอาจจะสามารถถูกจำคุกได้นานเป็นสิบปีเลยทีเดียว
จากข้อมูลในปี 2023 พบว่า IDF มีบุคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ 169,500 นาย และมีกำลังพลสำรองอีก 465,000 คน
•ศักยภาพของ IDF
IDF ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในกองกำลังที่ถึงแม้จะมีขนาดเล็ก แต่ก็มีความเข้มแข็งติดอันดับโลก และยังมีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย โดยคาดว่า ในปี 2023 นี้ งบประมาณกลาโหมของอิสราเอล ซึ่งรวมถึงส่วนที่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐฯ อยู่ที่ราว 23,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 858,851 ล้านบาท
IDF มีกองทัพอากาศที่ทันสมัย โดยมีเครื่องบินรบอันทรงพลัง ทั้ง F-15, F-16 และ F-35
และที่เป็นที่ฮือฮาก็คือ ศักยภาพของระบบป้องกันขีปนาวุธไอออนโดม (Iron Dome missile defence system) ซึ่งถูกออกแบบมาให้ยิงทำลายขีปนาวุธที่โจมตีเข้ามา
• หนุ่มสาวชาวอิสราเอลถูกเรียกระดมพล
นับตั้งแต่เกิดความไม่สงบเมื่อเช้าวันเสาร์ที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา IDF เรียกระดมพลกองกำลังสำรองแล้ว 360,000 คน ซึ่งในจำนวนดังกล่าวรวมถึงคนที่อาศัยอยู่ต่างประเทศด้วย
ในขณะที่ชาวต่างชาติในอิสราเอลได้รับการอพยพออกมา ชาวอิสราเอลนับแสนคนกำลังเดินทางกลับไปบ้านเกิดของพวกเขาเพื่อร่วมรบ
นิมรอด เนดาน นักศึกษาคณะแพทย์ ในประเทศลิธัวเนีย เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า นี่คือหน้าที่ของเขาที่ต้องรับใช้ชาติ
เนดาน อายุ 23 ปี และเขาเป็นหนึ่งในนักศึกษาชาวอิสราเอลจำนวนมากที่มาเรียนต่อในประเทศ แต่ได้รับหมายเรียกให้กลับไปประจำการในกองทัพอิสราเอล หลังเกิดเหตุความไม่สงบ เนดานเล่าว่า คนในครอบครัวของเขาหนึ่งคน และเพื่อนของเขาอีกหนึ่งคนเสียชีวิต ในขณะที่เพื่อนอีกสองคนสูญหาย ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถทนนั่งเรียนได้อีกต่อไป
“ในฐานะที่ผมเป็นนักศึกษาคณะแพทย์ และยังเป็นอดีตอาสาสมัครในสภากาชาดอิสราเอล ผมอยากจะเดินทางกลับบ้านที่อิสราเอล เพื่อไปช่วยชีวิตผู้คนบริสุทธิ์ที่ถูกสังหารและเข่นฆ่าจากกลุ่มก่อการร้าย”
“พวกเรามีกันราว 50 คนครับ เด็กหนุ่ม 50 คนที่ได้รับการเรียก เพื่อไปร่วมรบ และยังมีอีกมากที่อาสาไปเอง อย่างพวกนักเรียนนักศึกษาจริงๆแล้วก็จะไม่ได้ถุกเรียกไปครับ”
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ที่สนามบินชาร์ลส์ เดอ โกลล์ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส อีเดน หญิงสาววัย 21 ปีก็กำลังมุ่งหน้าเดินทางกลับประเทศ
“มันคือนรกเลยค่ะ ฉันมีเพื่อนสามคนที่ตอนนี้ไม่รู้พวกเธออยู่ไหน และฉันรู้มาว่ามีผู้คนมากมายเสียชีวิต” ฉันคิดว่าพวกเราได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดีในกองทัพ หลังจาก 3 ปีในกองทัพ ฉันคิดว่าฉันพร้อมสำหรับสงคราม”
แต่อีเดนก็ยอมรับว่า มันไม่ง่ายเลย มันเป็นเรื่องยากสำหรับทุกคน แต่เธอก็บอกว่า เธอมีความเชื่อว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกต้อง และนี่คือชีวิต เธอทำอะไรไม่ได้ นอกจากจะต้องลุกขึ้นสู้
อย่างไรก็ตาม การเดินทางกลับอิสราเอลในช่วงเวลานี้ไม่ได้ง่าย เนื่องด้วยสถานการณ์ความไม่สงบทำให้หลายเที่ยวบินยกเลิกไป ดังนั้นรัฐบาลอิสราเอลจึงจัดเที่ยวบินพิเศษให้แก่ชาวอิสราเอลที่ต้องการกลับประเทศในตอนนี้
ตาต่อตา ฟันต่อฟัน สงครามที่ไม่น่าจะจบลงเร็วๆนี้
ผู้บัญชาการกองทัพอิสราเอลออกมาประกาศว่า บรรดาผู้นำกลุ่มฮามาสจะต้องถูกกำจัด และจะไม่มีการหยุดบุกเข้าไปในฉนวนกาซ่า เพื่อมอบความช่วยเหลือ หรืออพยพประชาชนออกมา จนกว่าตัวประกันอิสราเอลทั้งหมดจะได้รับการปล่อยตัว
นั่นทำให้หลายฝ่ายเป็นกังวลถึงสถานการณ์ในฉนวนกาซ่า ที่ในเวลานี้อาหาร น้ำดื่ม เชื้อเพลิง และสิ่งของจำเป็นต่างๆไม่สามารถเดินทางเข้าไปถึงได้ คณะกรรมการสภากาชาดสากลก็ออกมาแสดงความเป็นกังวลว่า โรงพยาบาลในกาซ่ากำลังจะไม่มีไฟฟ้าใช้ เพราะขาดเชื้อเพลิงในการผลิตพลังงาน เช่นเดียวกันกับสต๊อกความช่วยเหลือและยารักษาโรค
ก่อนเกิดสงคราม หน่วยงานของสหประชาชาติก็คาดการณ์ว่า ในปี 2023 นี้ ประชาชนราว 58 เปอร์เซ็นต์ที่อาศัยอยู่ในกาซ่า ต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวเลวร้ายลงจากเมื่อปี 2022
ข่าวที่เกี่ยวข้อง