สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น นายกรัฐมนตรี เร่งหาทุกช่องทางอพยพคนไทยในอิสราเอล พักชั่วคราวประเทศที่สามเมื่อปลอดภัยค่อยกลับ กำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับแผนให้เร็วที่สุด และให้ความสำคัญที่สุดคือชีวิตคนไทยทุกคน วอนสายการบินเอกชนที่มีเครื่องบินเหลืออยู่ช่วย
ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการคลัง แถลงข่าวภายหลังเสร็จสิ้น การประชุมศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉินความไม่สงบตะวันออกกลาง ติดตามความคืบหน้าใน การช่วยเหลือคนไทยจากอิสราเอล กลับสู่ประเทศไทยโดยเร็วที่สุด ด้วยความขัดแย้งอิสราเอล-ฮามาส ที่ขยับความรุนแรงขึ้น และ มีคนไทยอยู่ในพื้นที่ที่แสดงความต้องการเดินทางกลับประเทศเกือบ 6,000 คน มีคณะแรกกลับมาแล้ววันนี้ (12 ต.ค.) 15 คน เข้าใจดีถึงความเป็นห่วงของญาติพี่น้องและความกังวลของคนในพื้นที่
ทั้งนี้ มีหลายปัญหาจากการลำเลียงคนกลับ ตอนนี้ได้พูดคุยกันว่า กองทัพอากาศจะนำเครื่องบิน C130 A340 เริ่มบินเข้าไป วันแรกจะออกจากไทยวันที่ 14 ต.ค.นี้ และจะนำเสบียงเข้าไปด้วยเพื่อนำคนไทยกลับมาราว 140 คน
นายกรัฐมนตรีสั่งการว่า การเว้นการเดินทางโดยเดินทางไปรับอีกครั้งวันที่ 20 กว่า ถือว่าช้าเกินไป ที่ประชุมเห็นชอบ สั่งการว่าให้เตรียมตั้งแต่วันนี้ (12 ต.ค.)ให้เครื่องบินพร้อม นกแอร์มี 2 ลำ แอร์เอเชีย 2 ลำ การบินไทยจะให้คำตอบอีกครั้ง อย่างไรก็ตามสถานการณืปกติต้องใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะขอบินผ่านน่านฟ้าของแต่ละประเทศได้ กระทรวงการต่างประเทศได้ให้ ความกรุณาเร่งขึ้นเป็น 2 วัน แสดงว่าถ้าวันนี้หากมีการตกลงว่าจะใช้เครื่องบิน บินออกไปจะต้องมีการเจรจาทันที
เอกอัครราชทูตไทยที่อิสราเอล แจ้งความพร้อมหากคนไทยพร้อมจะออกจากจุดเสี่ยงได้วันละ 200 คน ซึ่งไม่ทันกับความต้องการ เพราะถ้าสถาการณ์ป็นเช่นนี้ต้องใช้เวลาเกือบเดือนกว่าจะลำเลียงออกมาหมด ดังนั้นจะต้องคิดวิธีในการที่จะทำให้รวดเร็วขึ้นได้สั่งการให้หาวิธีที่เร็วขึ้น แต่ก็ยังคงมีปัญหาเรื่องงานเอกสารซึ่งบางท่านอาจมีพาสปอร์ตที่หายไป จึงได้สั่งการกับทูตไปในเรื่องงานเอกสารให้เป็นเรื่องรอง แต่ให้เรื่องความปลอดภัยสูงสุดเป็นเรื่องสำคัญ
รัฐบาลจะระดมเครื่องบินไปจอดในที่ที่พร้อมจะเข้าไปช่วยเหลือได้ เพื่อให้สามารถรองรับความต้องการกลับให้ได้มากที่สุดเท่าที่สถานการณ์จะอำนวย
นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้แจ้งว่า หากเป็นการบินพาคนไทยออกจากพื้นที่เสี่ยงก่อน ทางทีมงานพิจารณาอยู่ แต่มีความยากขึ้น ตรงหากไม่มีเอกสารเข้าประเทศที่ 3 จะสามารถทำได้หรือไม่ เป็นความละเอียดอ่อนทางการทูต เจ้าหน้าที่ กต. ส่งไปเพิ่ม เพื่อช่วยดูแล โดยมีเจ้าหน้าที่จากสถานทูตใกล้เคียง ก็พยายามจะเข้าไปช่วยดำเนินงานทางด้านเอกสารแต่ยืนยันว่างานทางเอกสารจะไม่เป็นประเด็นในการที่จะไม่ให้พี่น้องคนไทยกลับมา แต่ก็เจอปัญหาใหญ่เพราะต้องผ่านดินแดนกาซ่าจึงไม่สามารถผ่านออกมาได้ อย่างไรก็ตามยังเฝ้ามอนิเตอร์อยู่ในทางเรือ แต่ก็ต้องมีการเดินทางเส้นทางรถออกมาก่อน ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องคำนึงถึงตลอดเวลา
เมื่อถามถึงแนวทางการนำแรงงานไทยไปอยู่ที่ประเทศจอร์แดนก่อนอพยพกลับมาประเทศไทย นายปานปรีย์ กล่าวว่า ก็เป็นแนวทางที่นายกฯ วางแผนไว้ โดยจะไปอยู่ 1-2 วัน และเมื่อมีความปลอดภัย ก็จะนำตัวกลับมาที่ประเทศไทย
"วันนี้ก็วิงวอนหากสายการบินเอกชนไหนที่พอจะช่วยได้ มีเครื่องบินเหลืออยู่ก็หวังว่าคงจะมาร่วมด้วยช่วยกันตรงนี้ และกระทรวงการต่างประเทศก็พร้อมที่จะประสานบินผ่านน่านฟ้าในหลายประเทศ เพราะถือเป็นภาวะสงคราม ยืนยันว่าสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นแต่ทางรัฐบาลให้ความเป็นห่วงและสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเรื่องนี้" นายเศรษฐา กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง