"พิพัฒน์" พาครอบครัวแรงงานไทย ต้อนรับแรงงานไทยชุดแรก 15 คนกลับจากอิสราเอล ที่สุวรรณภูมิ ย้ำพี่น้องแรงงานเดินทางกลับไทยไม่ต้องกังวล เตรียมเจรจานายจ้างรับกลับทำงานหลังเหตุการณ์สงบ
วันที่ 12 ตุลาคม 2566 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นำครอบครัวพี่น้องแรงงานไทย ร่วมกัน ต้อนรับแรงงานไทยทั้ง 15 คน กลับสู่ประเทศไทยอย่างปลอดภัย โดยทั้งหมดเดินทางถึงประเทศไทยด้วยเที่ยวบิน แอลอัล LY083 จากประเทศอิสราเอล ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในเวลา 10.35 น.
โดยพี่น้องแรงงานไทยทั้งหมดจะเดินทางไปยังสถาบันบำราศนราดูร จังหวัดนนทบุรี เพื่อการตรวจสุขภาพ และ กระทรวงแรงงานได้จัดเตรียมเงินช่วยเหลือในการเดินทางกลับภูมิลำเนา รายละ 15,000 บาท จาก กองทุนเพื่อช่วยเหลือแรงงานไทยในต่างประเทศ กรณีประสบปัญหาต้องเดินทางกลับประเทศไทยก่อนครบสัญญาจ้างจากเหตุสงคราม รวมถึง การประสานงานประเทศอิสราเอล ถึงเงินช่วยเหลือเยียวยาจาก สวัสดิการตามกฎหมายอิสราเอลอีกจำนวนหนึ่ง และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแด่พี่น้องชาวแรงงานไทยที่เดินทางกลับมาในวันนี้
กระทรวงแรงงานได้จัดเตรียมรถรับส่งพี่น้องแรงงานชาวไทยและครอบครัวกลับสู่ภูมิลำเนา พร้อมประสานงาน กระทรวงต่างประเทศ และ กระทรวงคมนาคม ในอำนวยความสะดวกสำหรับพี่น้องแรงงานไทยที่เดินทางกลับในกลุ่มต่อๆไป
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า วันนี้ดีใจอย่างยิ่งที่พี่น้องแรงงานชาวไทยกลุ่มแรกเดินทางกลับมายังประเทศไทยอย่างปลอดภัย และตั้งตารอพี่น้องแรงงานชาวไทยที่ตกค้างอยู่ ณ ประเทศอิสราเอลในเวลานี้กลับมายังประเทศไทยได้ในเร็ววัน
โดยขั้นต้น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงคมนาคม ในการเร่งเจรจา สายการบินพาณิชย์ เพื่อเร่งระดมในการจัดส่งเครื่องบินจำนวนมากที่สุด เพื่อรับพี่น้องแรงงานชาวไทยที่ตกค้างเดินทางกลับสู่ประเทศไทยโดยเร็วที่สุด ซึ่งในนามกระทรวงแรงงานต้องขอขอบคุณในความกรุณาขอท่านนายกรัฐมนตรี และหวังอย่างยิ่งว่าเราจะสามารถนำพี่น้องแรงงานชาวไทยกลับสู่อ้อมกอดของครอบครัวได้ในเวลาที่เร็วที่สุด
อยากฝากถึงพี่น้องแรงงานไทยในประเทศอิสราเอลทุกคน ให้คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก เดินทางกลับประเทศไทย และไม่ต้องกังวลเรื่องที่จะไม่สามารถเดินทางกลับไปทำงานได้ ผมได้สั่งการ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำประเทศอิสราเอล ในการประสานนายจ้างเพื่อดำเนินการ จ่ายค่าจ้างส่วนที่ยังค้างจ่าย และเจรจาเพื่อรักษาสิทธิแรงงานหากยังทำงานไม่ครบสัญญาจ้างเพื่อให้แรงงานไทยสามารถกลับไปทำงานได้ภายหลังจากสถานการณ์เกิดความสงบ
รวมทั้งสอบถามความสมัครใจของแรงงานหากต้องการไปทำงานในประเทศอื่นๆ สำหรับพี่น้องแรงงานชาวไทย รวมถึงกรณีที่นายจ้างมีความประสงค์ในการย้ายพื้นที่ทำงานของพี่น้องชาวไทยในช่วงสู้รบนี้ หากพี่น้องแรงงานไทย ไม่ประสงค์ที่จะย้ายสถานที่ทำงาน หรือเดินทางกลับประเทศไทย ท่านสามารถติดต่อไปยัง อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำประเทศอิสราเอล เพื่อทางกระทรวงแรงงาน จะได้ประสานและเร่งดำเนินการแจ้งนายจ้างอย่างเร่งด่วน
ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า สำหรับแรงงานไทยที่เป็นสมาชิกกองทุนฯ เมื่อกลับมาถึงกระทรวงแรงงานมีการดูแลเรื่องสิทธิประโยชน์ทันที รายละ 15,000 บาท ซึ่งเป็นเงินสงเคราะห์ กรณีประสบปัญหาต้องเดินทางกลับประเทศไทยก่อนครบสัญญาจ้างจากเหตุสงคราม หรือกรณีทุพพลภาพ จะได้รับการสงเคราะห์ คนละ 30,000 บาท กรณีเสียชีวิตในต่างประเทศ สงเคราะห์จำนวน 40,000 บาท และค่าใช้จ่ายในการจัดการศพในต่าง ประเทศเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 40,000 บาท
นอกจากนี้ยังได้รับสวัสดิการตามกฎหมายของประเทศอิสราเอล (ประกันการทำงาน + นายจ้างจ่าย) กรณีบาดเจ็บ/ พิการตามการรับรองของแพทย์ แบ่งเป็น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง