อัปเดตล่าสุด 11 ต.ค. กองทัพอิสราเอล นำกำลังเข้าช่วยเหลือตัวประกัน 30 ราย พบคนไทย 14 ราย และชาวอิสราเอล 16 ราย หลังจากมีรายงานว่าสูญหายนานสามวัน ตามรายงานระบุว่าทุกคนปลอดภัยดี ขณะที่ นายกฯเศรษฐา เตรียมเร่งอพยพคนคนไทย โดยใช้สายการบินพาณิชย์และเครื่องบินกองทัพอากาศ
จากเหตุการณ์กลุ่มติดอาวุธฮามาส (Hamas) ยิงจรวดออกจากฉนวนกาซาโจมตีอิสราเอล ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย ซึ่งมีแรงงานไทยที่ไปทำงานที่อิสราเอลได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้หลายราย
ขณะที่กองทัพอิสราเอลก็ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการอพยพคนในพื้นที่เสี่ยงไปยังพื้นที่ปลอดภัยร่วมด้วย ทำให้ขณะนี้สามารถอพยพประชาชนได้แล้ว
อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถยืนยันตัวเลขอย่างเป็นทางการของแรงงานงานไทยได้เพราะยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบในพื้นที่ได้ แต่จากการรายงานของนายจ้างอย่างไม่เป็นทางการพบว่า ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตที่เป็นคนไทย 18 คน ผู้ได้รับบาดเจ็บ 9 ราย ถูกจับเป็นตัวประกัน 11 ราย นอกจากนี้ยังมีการเจรจาช่วยเหลือตัวประกันอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด ผู้ใช้งาน (X)ทวิตเตอร์ ชื่อ Emanuel (Mannie) Fabian @manniefabian ระบุว่าเป็นสื่อมวลชน อิสราเอลได้โพสต์ภาพ มีการช่วยเหลือคนอิสราเอลและแรงงานไทย รวม 30 คนเมื่อคืนนี้ โดยกองกำลังอิสราเอลใกล้กับคิบบุตซ์ ไอน์ ฮาชโลชา หลังจากมีรายงานว่าสูญหายนานสามวัน นับจากที่กลุ่มฮามาสโจมตีทางตอนใต้ของอิสราเอล
จากตามรายงานของ timesofisrael ระบุว่ามีคนไทยจำนวน 14 ราย และเป็นชาวอิสราเอลอีก 16 ราย
ขณะที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้โพสต์ x (ทวิต) รายงานการช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล
สำหรับสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ดำเนินอยู่นั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนคนไทยครับ
ในการเตรียมแผนอพยพคนไทยมีความคืบหน้าเพิ่มเติม 2 ทางคือ ทางแรก กลับมาโดยสายการบินพาณิชย์ และ ทางที่สอง กลับโดยเครื่องบินกองทัพอากาศไปรับแบ่งเป็น 3 ชุด คือ
ซึ่งเราพยายามทยอยอพยพคนไทยกลับให้เร็วที่สุดโดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลักครับ
ในส่วนของผู้ที่ถูกจับเป็นตัวประกันผมได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการพูดคุยกับบรรดามิตรประเทศต่าง ๆ ตลอดจนองค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง และอยากขอให้ความมั่นใจว่า เราได้ทำทุกทาง และจะพยายามอย่างสูงสุดเพื่อช่วยเหลือ โดยคำนึงถึงอิสรภาพของคนไทยที่ถูกจับตัวไปเป็นสำคัญที่สุด
ทั้งนี้ผมได้สั่งการให้ส่งเจ้าหน้าที่ไปเสริมข้าราชการไปสนับสนุนข้าราชการสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟในภารกิจช่วยเหลือพี่น้องชาวไทยอีกด้วยครับ