กองทัพอิสราเอลโจมตีกาซาตลอดคืน ตัดน้ำ ไฟฟ้า เชื้อเพลิง และอาหาร จนสามารถเข้าควบคุมสถานการณ์บริเวณด้านนอกของฉนวนกาซาได้แล้ว ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตทะลุกว่า 1,200 คน
จากเหตุการณ์กลุ่มติดอาวุธฮามาส (Hamas) ยิงจรวดออกจากฉนวนกาซาโจมตีอิสราเอล ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย ซึ่งมีแรงงานไทยที่ไปทำงานที่อิสราเอลในรับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้หลายราย
ล่าสุด 10 ต.ค. 2566 ทางการอิสราเอลสั่งยึด กองทัพเดินหน้าโจมตีกาซาตลอดทั้งคืนหลังประกาศตัดน้ำ-ไฟ-อาหารและปิดล้อมพื้นที่นี้ พร้อมโจมตีทางอากาศเพื่อตอบโต้ฝ่าย กองกำลังติดอาวุธฮามาส ที่ยึดครองพื้นที่ดังกล่าวเป็นฐานปฏิบัติการ
นายโยอาฟ กาลแลนท์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ประกาศปิดล้อมฉนวนกาซาอย่างสมบูรณ์ โดยตัดขาดการส่งกระแสไฟฟ้า พลังงาน อาหารและน้ำจากอิสราเอลเข้าไปในดินแดนดังกล่าว
ทั้งนี้ กลุ่มฮามาสทำการโจมตีอิสราเอลอย่างรุนแรงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ชาวอิสราเอลถูกสังหารกว่า 700 ราย ขณะที่ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตราว 500 รายจากการตอบโต้ของอิสราเอล ทำให้ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,300 รายจากเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งรวมถึงชาวต่างชาติอีกหลายราย และในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตชาวไทย 12 ราย
โฆษกกองทัพอิสราเอลยอมรับว่า เหตุการณ์ครั้งเป็นการถูกบุกโจมตีอย่างร้ายแรงโดยกลุ่มก่อการร้ายอย่างไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว และอิสราเอลได้เรียกกำลังพลสำรอง 300,000 นาย ถือว่ามากที่สุดเป็นประวัติการณ์
นายโยอาฟ กัลป์แลนต์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ประกาศลั่นต่อหน้าสื่อว่า อิสราเอลกำลังต่อสู้กับพวกป่าเถื่อน และจะตอบโต้กลับในลักษณะเดียวกัน
อย่างไรก็ตามทางกองทัพสามารถอิสราเอลเข้าควบคุมสถานการณ์ในบริเวณด้านนอกของฉนวนกาซาได้แล้ว และการสู้รบระหว่างทหารอิสราเอลและกลุ่มฮามาสภายในดินแดนอิสราเอลได้ยุติลงแล้ว ทางการอิสราเอลปฏิเสธรายงานข่าวเกี่ยวกับการเจรจาแลกเปลี่ยนตัวประกันในฉนวนกาซากับกลุ่มฮามาส
ขณะที่กลุ่มฮามาสอ้างว่าได้จับตัวประกันจากอิสราเอลราว 130 คนจากการโจมตีเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา และขู่จะสังหารตัวประกันหากอิสราเอลยังโจมตีประชาชนโดยไม่เตือนล่วงหน้า
กลุ่มฮามาสได้เจรจากับกาตาร์ ซึ่งเป็นคนกลางเจรจาไกล่เกลี่ยเกี่ยวกับการปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอลที่เป็นผู้หญิงเพื่อแลกเปลี่ยนกับการปล่อยตัวนักโทษหญิงชาวปาเลสไตน์ที่ถูกคุมขังในอิสราเอล
ล่าสุด นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ในนาม รัฐบาลไทย ภายใต้การนำของท่านนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน มีความยินดีที่แจ้งข่าวดีสำหรับพี่น้องแรงงานชาวไทย ที่ภายหลังสถานการณ์ความรุนแรงในประเทศอิสราเอลตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา
กระทรวงต่างประเทศ และ กระทรวงแรงงาน ได้ร่วมทำงานอย่างหนักเพื่อดำเนินการอพยพพี่น้องแรงงานไทยไปยังจากพื้นที่สู้รบไปยังพื้นปลอดภัย พร้อมวางแผนในการดำเนินการอพยพพี่น้องแรงงานชาวไทยกลับสู่ประเทศไทย
โดยในวันที่ 9 ตุลาคม ทางรัฐบาลไทยได้รับข่าวดี และ ยืนยันในการนำพี่น้องแรงงานไทยกลุ่มแรก จำนวน 15 คน กลับสู่ประเทศไทยโดยแบ่งเป็น 2 เที่ยวบิน โดยเที่ยวบินแรก LY081 จำนวน 5 คน และ เที่ยวบินที่สอง LY083 จำนวน 10 คน โดยพี่น้องแรงงานชาวไทย จะเดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ ในวันที่ 12 ตุลาคม โดยเที่ยวบินแรกจะถึงในเวลา 10.35 น. และ เที่ยวบินที่สองเวลาในเวลา 12.35 น.
และ นายพิพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มอบหมาย อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัครราชฑูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ในการเดินทางเยี่ยม และ ให้กำลังใจ พี่น้องแรงงานที่อพยพมาจากเขตสู้รบ มายัง ศูนย์หลบภัยแรงงาน ของประเทศอิสราเอล ซึ่งมีพี่น้องแรงงานไทยที่อพยพมาพำนักประมาณ 256 คน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง