คนการเมือง วางพวงมาลารำลึก 6 ตุลา : บทเรียนประวัติศาสตร์ที่ไม่อาจลืมเลือน

เหล่าคนการเมืองและคนเดือนตุลาร่วมพิธีรำลึกเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ย้ำ 6 ตุลาฯ เป็นวันสำคัญของมหาวิทยาลัยที่ไม่อาจลืมเลือนได้ และจะเก็บบทเรียนดังกล่าวในฐานะพลเมืองของประเทศที่เป็นประชาธิปไตย เป็นเป้าหมายสูงสุด

เหล่าคนการเมืองและคนเดือนตุลาร่วมพิธีรำลึกเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ อาทิ น.ส.ณหทัย ทิวไผ่งาม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ตัวแทนพรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล น.ส.จิราพร สินธุไพร น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ตัวแทนพรรคก้าวไกล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นายชัยธวัช ตุลาธน นายปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ นายณัฐวุฒิ บัวประทุม นายธีรัจชัย พันธุมาศ น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ นายปิยรัฐ จงเทพ ตัวแทนจากคณะก้าวหน้า น.ส.พรรณิการ์ วานิช ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ น.ส.วทันยา บุนนาค นายราเมศ รัตนะเชวง นายพายุ เนื่องจำนงค์ นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย ตัวแทนจากพรรคไทยสร้างไทย น.ต.ศิธา ทิวารี

คนเดือนตุลา อาทิ นายสุธรรม แสงประทุม ผศ.ภญ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ศ.กิตติคุณ ดร.ธงชัย วินิจจะกูล เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีนักวิชาการ และนักกิจกรรม อาทิ ศ.พิเศษ ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จ่านิว สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ ไผ่ ดาวดิน

ขณะที่กลุ่มล้อการเมืองมีการแขวนป้ายผ้าหน้าป้ายหอประชุมศรีบูรพา ข้อความว่า “สื่อได้ยอด นักการเมืองได้หน้า คนเดือนตุลาได้อะไร?” นอกจากนี้ภายในงานยังมีพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 19 รูป และการขายนามรายชื่อผู้ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 รวมถึงพิธีวางพวงหรีด และวางช่อดอกไม้ บริเวณประติมานุารณ์ 6 ตุลาฯ 2519 มีผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ มาร่วม อาทิ ประธานศาลฎีกา ผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ญาติวีรชน องค์กรนักเรียน นิสิต นักศึกษา

คนการเมืองร่วมวางพวงมาลารำลึก ”6ตุลา: บทเรียนประวัติศาสตร์ที่ไม่อาจลืมเลือน“

โดย รศ.ดร.สุรัตน์ ทีฆาภิบาล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ฝ่ายบริหารท่าพระจันทร์ และวิเทศสัมพันธ์ ระบุว่า การจัดงานวัยนี้เพื่อรำลึกเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ 2519 ในอดีต และรำลึกถึงผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุดังกล่าว และย้ำว่า 6 ตุลาฯ เป็นวันสำคัญของมหาวิทยาลัยที่ไม่อาจลืมเลือนได้ และจะเก็บบทเรียนดังกล่าวในฐานะพลเมืองของประเทศที่เป็นประชาธิปไตย เป็นเป้าหมายสูงสุด