พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. หรือ "บิ๊กโจ๊ก" เข้าพบ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ว่าที่ผบ.ตร. คนใหม่ เพื่อแสดงความยินดี ยังมีการปรึกษาหารือ พัฒนาและขับเคลื่อนการทำงานของตำรวจ เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นและศรัทธามากขึ้นด้วย
เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (28 ก.ย. 2566) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. หรือ "บิ๊กโจ๊ก" หนึ่งในแคนดิเดตผบ.ตร. คนที่ 14 เดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบ.ตร. ในฐานะว่าที่ ผบ.ตร.คนใหม่
โดยการพบกันของทั้ง บิ๊กโจ๊ก และ บิ๊กต่อ ถือเป็นภาพความชื่นมื่น และการล้อมวงคุยกันครั้งนี้ ก็เพื่อพูดคุยและรับประทานอาหารร่วมกัน และแสดงความยินดีที่ได้รับตำแหน่งของ "บิ๊กต่อ" พล.ต.อ.ต่อศักดิ์
ทั้งนี้ยังมีการปรึกษาหารือ พัฒนาและขับเคลื่อนการทำงานของตำรวจ เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นและศรัทธามากขึ้นด้วย
สำหรับการขึ้นเป็น ผบ.ตร. คนใหม่ของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล นั้น ถือว่า สร้างเซอร์ไพรส์พอสมควร เพราะเขามีอาวุโสเป็นลำดับที่ 4 , เป็นรอง อาวุโส ลำดับที่ 1 “บิ๊กรอย” พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ , อาวุโสอยู่ในลำดับ 2 “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และ อาวุโสลำดับที่ 3 “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์
แต่สุดท้าย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ก็พลิกโผ เข้ามาเป็น ผบ.ตร. คนใหม่จนได้ และสังคมไทย หลากหลายคนอาจจะมองว่า "บิ๊กต่อ" อาจจะเป็นนายตำรวจที่เดินทาง ฟาสต์แทร็ก เพราะ "บิ๊กต่อ" ได้รับการยกเว้นหลักเกณฑ์หลายครั้ง จนสามารถก้าวกระโดดจากตำแหน่ง ผู้กำกับการ มาถึงเก้าอี้ ผบ.ตร. ได้ในระยะเวลาเพียงแค่ 7 ปี
นอกจากนี้ บิ๊กต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ยังไม่ได้จบโรงเรียนนายร้อยตำรวจอีกด้วย เพราะเขา จบ การศึกษา ระดับ ปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นสิงห์แดง รุ่นที่ 38
ปริญญาโท ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีปทุม
เคยทำงานเป็นพนักงานในบริษัท น้ำมันคาลเท็กซ์ อยู่ได้ 7 ปี จึงลาออกมาสมัครรับราชการตำรวจ โดยเข้าอบรมหลัก สูตรการฝึกอบรม ผู้มีคุณวุฒิทางด้านนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ เพื่อบรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร (กอต.) รุ่นที่ 4
ข่าวที่เกี่ยวข้อง