นักแสดงดีกรี CEO "ไบร์ท วชิรวิชญ์" เผยชีวิตล่าสุด หลังออกมาสร้างค่ายเป็นของตัวเอง พร้อมวางแพลนเกษียณเบางานบันเทิง ตอนอายุ 35 ปี
เป็นนักแสดงแถวหน้าของเมืองไทยที่มีงานแบบไม่ขาดสาย สำหรับหนุ่มฮอต "ไบร์ท วชิรวิชญ์" ที่ช่วงนี้เดินสายต่างประเทศ รับรางวัลตามเวทีต่างๆ มากมาย ควบคู่กับการเปิดค่ายเป็นของตัวเองอย่าง "Cloud 9 Entertainment" เพื่อผลักดันวงการบันเทิงไทยไปทำงานในระดับอินเตอร์ด้วย
ล่าสุดหนุ่มไบร์ท ได้ออกมาเล่าชีวิตหลังเปิดค่ายเพลง ผ่านทางรายการ "วอดอวอแว" แถมงานนี้เจ้าตัวยังได้เผยถึงแผนเกษียณตอนอายุ 35 ปี เบางานในวงการบันเทิง เพื่อให้ตัวเองมีอิสระในการเลือกใช้ชีวิตมากขึ้น
เปิดค่ายเป็นของตัวเอง เป็นยังไงบ้าง?
"มันมีอิสระขึ้นอย่างที่บอก เราสามารถเลือกเองอย่างที่เราต้องการได้ แล้วทุกอย่างมันอยู่ในความรับผิดชอบเรา เงินฉัน ฉันจะเป็นอะไร ฉันรับผิดชอบเอง ไม่เดือดร้อนใคร แต่ว่าความเครียดเรื่องใหม่ที่เกิดขึ้น ก็คือเรื่องเดียวกันนี่แหล่ะ ก็คือเงินฉัน ฉันต้องรับผิดชอบมัน (หัวเราะ) มันจะมีเรื่องของการบริหาร เรื่องของการอะไรที่จะต้องทำมากขึ้น แต่ถามผมว่ามีความสุขไหมที่ออกมาตั้งเอง ผมมีความสุขมากๆ รู้สึกว่าเราควรจะทำในเวลานี้แหล่ะ เวลาที่แบบยังบู๊ไหว"
วางแผนชีวิตจะเกษียณตอนอายุ 35 ปี?
"อาจจะไม่ใช้คำว่าเกษียณ แต่ใช้คำว่า Slow Down คือตอนนี้ผมรู้สึกว่าชีวิตผมวิ่งมากๆ อยากจะทำในทุกๆ โอกาสที่เข้ามาให้ดีที่สุด อยากทำทุกอย่างในเวลาที่เรายังมีแรง อยากจะบู๊ให้เต็มที่ในวันที่เรายังไหว รู้สึกว่าในวัย 35 อยากเป็นวัยที่ตื่นเช้าดื่มกาแฟ พาหมาออกไปเดิน อยากไปออฟฟิศก็ไป ไม่อยากไปก็ไม่ไป แบบใช้ชีวิตอิสระในการเลือกใช้ชีวิตมากขึ้น อย่างเดือนนี้ผมไม่อยากไปทำงาน ผมอยากไปเที่ยว Backpack แอฟริกา ผมก็จะไปเลย อยากมีชีวิตที่มีอิสระทางการเงินและการใช้ชีวิต"
ความรู้สึกหลังได้ร่วมงานกับ กอล์ฟ F.HERO?
"โหวน่ารักมาก ถ้าเกิดว่าบริษัทผมมันมีชาร์ดพนักงาน พี่กอล์ฟคือแปะป้ายเป็นคอนเซาท์ (หัวเราะ) มีอะไรโทรหาพี่กอล์ฟตลอดเลย แล้วด้วยความที่แกค่อนข้างกว้างขวางในวงการดนตรีของเอเชีย เขาก็แนะนำคนนั้นคนนี้ให้ ซึ่งต้นปีหน้าประมาณเดือน 3 คิดว่าน่าจะปล่อยเพลงแรกของอัลบั้มผมในปีหน้า แล้วมีศิลปินที่แบบทุกคนน่าจะรู้จักเป็นอินเตอร์ พี่กอล์ฟช่วยเยอะมากครับ ตื่นเต้นเหมือนกันครับ ซึ่งสเกลเราทำตามใจเรา สเกลใหญ่มากๆ อันนี้คือทำสนองความต้องการตัวเองประมาณหนึ่ง ใช้ทีมต่างชาติ ใช้เดอะเบสสำหรับโปรเจกต์นี้จริงๆ"
ในอดีตเคยหนีแม่ไปเที่ยวกับสาว?
"แม่มารู้ตอนโต ถ้าแม่รู้ตอนนั้นคงเสียใจ ผมแสบมากเลย คือแม่ผมไปส่งผมเรียนพิเศษที่เป็นคอร์สที่ต้องไปนั่งเรียนกับคอมฯ ซึ่งจะไม่มีเรียนออนไลน์ ในวันเสาร์บ่าย 2-4 โมง ผมก็ไปล็อกอินคอมฯ ไว้แล้วเปิดทิ้งไว้อย่างนั้น แล้วผมก็ออกไปเที่ยวกับสาว (หัวเราะ) ทุกวัน จนจบคอร์สแล้วแบบประมาณใกล้ๆ 4 โมงเย็นแม่จะมารับใช่ไหม ประมาณ 3 โมงครึ่งผมก็จะกลับมาแล้ว ออกไปเดทประมาณวันละชั่วโมงครึ่ง ไปนั่งกินข้าวกันแถววงเวียนใหญ่ ไปกินหอยแครงลวก
แล้วโรงเรียนผมจะมีเรียนวันเสาร์ใช่ไหมครับ แต่มันไม่มีคะแนนนะ ไม่มีเช็กว่าเข้าเรียนไหม ไม่มีการทำงานส่ง ผมมาทุกเสาร์เลยนะ แต่ทั้งห้องคือหายหมดเลยไปอยู่ร้านเกมส์กัน แล้วพอเล่นที่ร้านเกมส์เสร็จ ก็ไปวงเวียนใหญ่ต่อ (หัวเราะ) ทำแบบนี้ทุกวันเสาร์แย่มากตอนเด็กๆ นี่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีนะครับ แต่โชคดีที่ประคับประคองตัวเองได้ ไม่ได้เรียนพิเศษ แต่ก็ยังสอบเข้า ม. 4 ได้ เข้ามหาวิทยาลัยได้"
มีความรักครั้งแรกตอนไหน?
"อนุบาล 2 คือเราไม่ได้มีความพิศวาสแบบผู้ใหญ่นะ แต่มันเป็นความที่เราเจอคนๆ นี้ แล้วใจเราเต้นแรง เราแอบมองเขา แล้วเขามองมาเราจะต้องหลบ หรือแบบว่าเดินสวนกันในโรงเรียนก็แอบปลื้ม จะเดินผ่านหน้าห้องเขาทุกวัน ซึ่งเขาอยู่ในโรงเรียนถึงแค่ตอน ป.3 ผมก็ดันมีเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งเหมือนกันที่ชอบผู้หญิงคนเดียวกัน (หัวเราะ) อยู่มา 5 ปี
แต่แบบไม่ได้เข้าไปจีบนะ ไม่ได้จีบด้วย แล้วก็คุยกันเองแบบชอบเขาแล้วก็เดินไปดูเขาด้วยกัน เป็นอะไรประมาณนั้น ตลกดี ไม่บอกชื่อเดี๋ยวเขารู้ (หัวเราะ) คือทุกคนจะรู้ว่าผมไม่ชอบเต้นเลย แต่มีงานที่ต้องเต้นในโรงเรียน แล้วเขาเป็นเมนนำที่ต้องเต้น เขาก็หาผู้ชาย เหมือนครูจะให้ผมเต้นตอนเด็กๆ ผมก็อ้วนๆ น่ารักๆ เขาก็แบบให้ผู้หญิงคนนี้มาชวนผม ไปเต้นเลยครับ (หัวเราะ) เพราะอยากอยู่ใกล้เขา ไปซ้อมกับเขา"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง