กองประกวดประกาศตัดสิทธิ์ เฌอเอม ร่วมชิงมง MUT แฉหลักฐานทำผิดกฎ
"ปุ้ย ปิยาภรณ์ แสนโกศิก" และ "ณะ ณรงค์ชัย เลิศกิตศิริ" ผู้ถือลิขสิทธิ์การจัดประกวด มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 แถลงถึงดราม่านางงามระหว่าง "เฌอเอม ชญาธนุส" และ "เคน สิทธิชัย" สปริงนิวส์จึงขอสรุปให้ดังต่อไปนี้
- เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้พี่ปุ้ยต้องออกมาพูด และการพูดนี้จะไม่ทำร้ายใคร ก่อนอื่นต้องบอกว่ากองประกวด MUT มีกฎเกณฑ์เข้มข้นมาก และเป็นกฎเดียวกันที่ใช้ทั่วโลก กรรมการที่จะเข้ามานั้นต้องเข้าใจการประกวด และไม่มีการไบแอสคนใดคนหนึ่ง เพราะการประกวดนี้เป็นการค้นหาสาวงามที่พร้อมจะทำหน้าที่แทนคนไทยทั้งประเทศ
- การประกวดครั้งนี้เป็นการค้นหาสาวงามเพียงคนเดียวเพื่อไปทำหน้าที่และคว้ามงที่ 3 ของประเทศไทย
- คณะกรรมการทุกคนจะสอนสาวงามทุกคนโดยให้คิดเสมอว่าต้องรักษากฎอย่างเคร่งครัด แต่ต้องบอกก่อนว่าเฌอเอมในกองประกวดคณธกรรมการชื่นชมมาตลอดเพราะความเก่ง
- ส่วนพี่ปุ้ยยืนยันคำเดิมวันนี้กองประกวดเรามีกฎระเบียบชัดเจน เพราะทุกคนกำลังเดินทางเข้าสู่เวทีระดับโลก การเคร่งครัดในกฎจึงเป็นเรื่องสำคัญ
- ในส่วนของที่น้องแถลงเมื่อวานไม่ว่าจะรู้สึกอย่างไร ทางคณะกรรมการจะให้ความเป็นกรรม จึงอยากจะบอกว่าขอหยุดการดราม่าวันในวันนี้แค่นี้พอ ใครที่อยากดูหลักฐานก็ขอดูได้ เพราะมีหลักฐานชัดเจน
- เริ่มตั้งแต่วันที่น้องมาสมัครในส่วนของพี่เลี้ยงมีระบุชัดเจนว่าชื่อ “ณัฐกุล” และใส่ว่าเป็นตำแหน่งเลขา ซึ่งหลังจากการส่งเอกสารการสมัครก็ทำถูกกฎระเบียบ แต่เมื่อถึงวันเข้าค่ายเก็บตัว 30 คน เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องจับตามอง เพราะคุคื 1 ในผู้เข้าแข่งขันคนสำคัญ ถ้าใครได้ดูไลฟ์ในวันนั้นก็เห็นว่าต้อง เฌออม เซนต์เอกสารเรียบร้อย
- เอกสารนั้นสาระสำคัญอยู่ที่ข้อ 5.29 วรรค 1 โดยกฎระบุว่า "กองประกวดขอสงวนสิทธิ์ห้ามนำพี่เลี้ยงส่วนตัวเข้ามาในการประกวด และระหว่างการเก็บตัว หากมีเหตุฉุกเฉินให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ในเวลา 13.00-15.00 น. เท่านั้น หากละเมิดจะส่งผลในการตัดสิทธิ์ทันที" ข้อนี้เป็นขอที่สาวงามต้องรู้
- ในส่วนของน้องที่บอกว่ามี 4 นิยาม โบรกเกอร์, พี่เลี้ยง, ผู้จัดการ, กัลยามิตร เป็นสิทธิ์ที่น้องจะพูด แต่สิ่งที่กองรู้สึกคือไม่ใช่แค่เพิ่งมารู้จัก และมีหลักฐานทั้งหมด
- ส่วนที่เคนบอกว่าเข้าประชุมไม่เกิน 5 ครั้งไม่จริง แต่เอกสารนี้เปิดเผยไม่ได้ แต่ถ้าทั้งคู่ยินดีที่จะเปิดเผยก็ไได้ เพราะข้อมูลนี้ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและมาจากกล้องวงจรปิด และการจัดงานใหญ่มันต้องมีการประชุมมากกว่า 5 ครั้งแน่นอน และความเป็นทีมงานจึงต้องสั่งให้เช็ก
-ในวันที่เกิดเรื่องนั้นน้องติดต่อมาว่าอยากเข้าพบพี่ปุ้ย โดยติดต่อผ่านพี่เลี้ยงประจำกลุ่ม โดยน้องแจ้งว่ามีปัญหาสุขภาพ เลยสอบถามว่าไปที่โรงพยาบาลไหน และได้คำตอบมาว่าโรงพยาบาลพญาไท 2
- หลังจากนั้น 16.00 น. น้องได้เข้ามาพร้อมกับเคนและแนะนำว่าเป็นผู้จัดการส่วนตัว หลังจากนั้นเคนก็ได้เดินอ้อมมาถึงโต๊ะและคุกเข่าขอโทษ ตอนที่เจอก็ได้แต่งงว่ามีนัดกับทีมนี้หรือไม่ แต่ว่าเคนก็ชิงขอโทษก่อน
- ส่วนสาเหตุที่เข้ามาขอโทษ น่าจะมาจากวันนั้นที่หัวหินมีผู้สื่อข่าวเข้ามาสอบถามและบอกว่าทำไมกองประกวดถึงได้ดันแต่น้องคนเดียว ซึ่งตัวพี่ปุ้ยก็ได้บอกว่าไม่จริงเพราะพี่ไม่ได้ดันใคร และได้พูดว่า ระวังนะคนที่ไอแอสใคร อย่าให้รู้
- เรื่องที่น้องเข้ามาปรึกษานั้นแจ้งว่าเป็นเรื่องสุขภาพเพราะน้องมีอาการป่วยงานเพราะสภาพอากาศ แต่น้องยืนยันว่าจะไต่อ โดยให้เหตุผลว่าน้องจัดทำชุดเรียบร้อยแล้ว หรือจะบอกว่าน้องติดต่อเข้ามาขอยกเว้นในบางกิจกรรมก็ได้ แต่พี่ปุ้ยก็บอกว่าให้เอาสุขภาพตัวเองเป็นหลัก และยกเว้นให้ใครไม่ได้ ไม่งั้นอีก 29 คนที่เหลือก็ขอบ้างสิ
- ส่วนการที่น้อง เฌอเอม ได้นำเคนมาเป็นพี่เลี้ยงถือว่าเป็นการผิดข้อตกลง 5.29 วรรค 1 และถ้ามองอีกมุมคือนายเคนเป็นฟรีแลนซ์ของบ.สตาร์ด้อม เท่ากับว่ากองก็เข้าใจว่าเป็นทีมงาน และตัวนายเคนนั้นก็รู้กฎเกณฑ์การตัดสินหลายข้อ และมีท่าทีไม่บริสุทธิ์ใจต้งแต่เริ่มต้น ไหนจะเรื่องที่ไม่ยอมเซนต์เอกสาร และเรื่องที่ให้พื้นที่สื่อมากกว่าอีก เราเลยเพิ่งเข้าใจเมื่อเรื่องแดง
- ส่วนเรื่องการตัดสิทธิ์ ตามกฎของกองประกวดที่เฌอเอมได้ทำสัญญาไป และได้ทำผิดสัญญาข้อ 5.29 กองจึงขอใช้สิทธิ์ในการตัดสิทธิ์ตั้งแต่วันนี้ 30 ก.ย. 2563
- ในการทำผิดกฎครั้งนี้มันคือการละเมิดอีก 29 คนที่เหลือ ถ้าเป็นเรื่องอื่นก็จะไม่ออกมาพูดเรื่องแบบนี้ ถ้าหลังจากนี้ยังมีเรื่องแบบนี้อีกก็ปลดอีก ถ้าวันนั้นจะเหลือแค่ 2 คนสุดท้ายก็ประกวดกันแค่นั้น
- แต่การบอกว่าสุขภาพไม่ไหวแต่จะขอเดินรอบไฟนอลอันนี้ไม่โอเค เรื่องเกิดไปแล้วทำอะไรไม่ได้ เลยทำการแจ้งไปที่ true id เพื่อไม่ให้โหวตให้เฌอเอม
- พี่ไม่อยากโทษเฌอเอมในเรื่องนี้ แต่เคนต่างหากี่บาปมาก แต่พี่มีหลักฐานทุกอย่าง ถ้าในปีหน้าน้องอยากจะกลับมาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะน้องไม่ได้ทำผิดกฎหมาย
- การที่เคนบอกว่าเป็น AE ตัวพี่ปุ้ยเองก็ตะหงิดใจว่าแล้วจะไปยุ่งวุ่นวายกับสื่อทำไม ในส่วนของครั้งหน้าคงไม่มีกฎเกณฑ์เพิ่ม เพราะคิดว่าทุกปีต้องมีเรื่องประหลาดมาตลอด
-และอยากให้ทุกคน Move on เพื่อโฟกัสกับสาวงามอีก 29 คนที่เหลือ เพราะตอนนี้น้องพร้อมแล้วที่จะเจิดจรัญ
- จากเหตุการณ์นี้จะเข้าไปคุยกับ กอท.และกระทรวงดิจิทัล เพราะการโดยบูลลี่ผ่านโซเชียลไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะเจอ และใครไม่เจอกับตัวก็ไม่เข้าใจเหตุการณ์นี้หรอก