เปิดประวัติ สุทิน คลังแสง ว่าที่ รมว.กลาโหม ที่กำลังฝ่าแรงต้าน ได้คุมกองทัพ

จากกระแส โผ ครม.เศรษฐา 1 ที่ปรากฏชื่อ นาย สุทิน คลังแสง กลับเข้ามาอีกครั้ง หลังจากรายชื่อของ "บิ๊กเล็ก" พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ เผชิญกับกระแสคัดค้านทั้งจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย  โดย สุทิน คลังแสง ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ มอนิ่งเนชั่น (28 ส.ค. 66) ทางเนชั่นทีวี ถึงกรณีปรากฏรายชื่อ ตนเองนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกลาโหม ว่า มีความตื่นเต้น และตนมีความพร้อม หากได้รับมอบหมายจากทางพรรค โดยคาดว่าทางพรรค ต้องการให้ตนเองเข้าไปปรับระยะห่างระหว่างกองทัพ และประชาชนให้น้อยลง 

• ประวัติ สุทิน คลังแสง 
สุทิน คลังแสง เกิดวันที่ 9 มีนาคม 2504 ปัจจุบัน สุทิน คลังแสง อายุ 62 ปี  ภูมิลำเนาเป็นคนจังหวัด มหาสารคาม 

สุทิน คลังแสง จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ศึกษาศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัศรีนครินทรวิโรฒ มหาสารคาม 
ระดับปริญญาโท สาขาไทยคดี ศึกษา มหาวิทยาลัยสารคาม และ Doctor Philosophy Magadh University ประเทศอินเดีย 
นอกจากนั้นยังผ่านการศึกษาอบรมหลักสูตรการเมืองการปกครองระบอบบประชาธิปไตย จากสถาบันพระปกเกล้า

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• เปิดรายชื่อเจ้าสัวใหญ่ นัดพบ ทานดินเนอร์ กับ เศรษฐา ทวีสิน นัดแรก
• เปิดไทม์ไลน์รัฐบาลใหม่ ครม.เศรษฐา 1 รัฐบาลเพื่อไทย เริ่มทำงานได้เมื่อไร ?
• สูตรโควตารัฐมนตรี จัดตั้งรัฐบาลเพื่อไทย ล่าสุด แต่ละพรรคได้กี่เก้าอี้

• เส้นทางการเมืองสุทิน คลังแสง 

สุทิน คลังแสง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคไทยรักไทย ปี 2544 และ 2548 ต่อมาจึงได้สมัครในระบบเขตเลือกตั้งที่จังหวัดมหาสารคาม ในนามพรรคพลังประชาชน 

โดยในปี 2551 สุทิน คลังแสง ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ต่อมาได้ย้ายมาสังกัดพรรคเพื่อไทย และได้รับตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการองค์กรตามรัฐธรรมนูญ รัฐวิสาหกิจ องค์กรมหาชน และกองทุนสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 23

ในเวลาต่อมา สุทิน คลังแสง ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคการเมืองฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร มีบทบาทสำคัญในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ในการประชุมอภิปรายไม่ไว้วางใจการตรวจสอบ และการทำงานของคณะรัฐมนตรี ในรัฐบาลของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลายครั้ง

• สุทิน ลั่นพร้อมนั่ง รมว. กลาโหม

ในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ สุทิน คลังแสง ได้ตอบคำถาม เกี่ยวกับประเด็น  โดยหากมีพลเรือน นั่งเก้าอี้กลาโหม จะทำให้ทัศนคติของสังคมต่อกองทัพดีขึ้น เพื่อให้เกิดความรู้สึกว่า กองทัพเป็นของประชาชน 
สุทิน คลังแสง ให้ความเห็นว่า ผู้ที่จะมานั่งเก้าอี้ รมว.กลาโหมนั้น  หากมีประสบการณ์ด้านงานความมั่นคงมาก่อนก็เป็นเรื่องที่ดี แต่หากไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ก็สามารถนั่งตำแหน่ง รมว.กลาโหมได้ โดยมีความตั้งใจที่ดี และศึกษาเรียนรู้วัฒนธรรมองค์กร

สำหรับแนวทางการยกเลิกเกณฑ์ทหารนั้น นายสุทิน กล่าวว่า ทางกองทัพมีการพิจารณาเรื่องดังกล่าวอยู่ รวมถึงการปฏิรูปกองทัพด้วย โดยฝ่ายการเมืองมีหน้าที่เข้าไปสนับสนุนภารกิจให้ประสบความสำเร็จ

ทั้งนี้ ต้องรอดูการโปรดเกล้าฯเสียก่อนจึงจะมีความชัดเจน พร้อมระบุว่า บรรพบุรุษของตนเองเป็นทหารมาก่อน จึงนำมาสู่ที่มาของนามสกุลคลังแสง

สำหรับเหตุผลที่พรรคเพื่อไทยจะเลือกนายสุทินนั่งเก้าอี้ รมว. กลาโหมนั้น สุทิน คลังแสง ได้กล่าวว่า ตนเองยังไม่ได้สอบถามผู้ใหญ่ภายในพรรคเพื่อไทย แต่คาดว่าเป็นความต้องการเห็นกองทัพมีสมัยใหม่ มีความเป็นสากล

• สุทิน คลังแสง อดีตครูสอน นักเรียนพิการ

ในอดีตนั้น รู้หรือไม่ว่า สุทิน คลังแสง ว่าที่รัฐมนตรีกลาโหม ในยุค เศรษฐา 1 เคยสอนนักเรียนที่บกพร่องทางด้านร่างกายมาก่อน โดยเขาให้สัมภาษณ์ว่า  “ผมเป็นครูใหม่ๆ เป็นเด็กหนุ่ม คิดไม่เหมือนเพื่อนครูด้วยกัน ก็เลือกไปสอนเด็กพิการ ก็อบรมมาหมดแล้ว เลือกไปสอนเด็กตาบอด ต้องไปเรียนรู้อักษรเบรลล์ สอนเด็กหูหนวก ต้องไปเรียนรู้ภาษามือ สอนเด็กออทิสติก สอนเด็กบกพร่องทางสติปัญญา แขนขาพิการ ผมอบรมมาหมด คือพร้อมที่จะสอนคนพิการทุกประเภท

“แต่เมื่อสอนไปสอนมา ก็มายึดหลักปักหลักสอนเด็กหูหนวกมากว่า 17 ปี ก่อนจะมาสอนเด็กปกติ ถวายความรู้พระหรือเป็นครูสอนพระ ก่อนจะมาอยู่มหาวิทยาลัย (มหาสารคาม) เพราะฉะนั้น เรียกได้ว่าผมเป็นครูที่สอนคนเยอะกว่าครูทุกคน สอนมาทุกประเภท”

สำหรับ สุทิน คลังแสง กำลังจะเป็น "พลเรือน" ที่ได้เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม คนที่ 5 ต่อจาก  ชวน หลีกภัย , สมัคร สุนทรเวช , สมชาย วงศ์สวัสดิ์ และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 

โดยในช่วงเวลาที่ พลเรือนนั่งแท่น คุมกลาโหมนั้น ต่างก็วาระ และเหตุผลที่ต่างกัน โดย“ชวน หลีกภัย” เป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมควบเก้าอี้รมว.กลาโหม เพื่อกระชับอำนาจทางการเมือง เนื่องจากในห้วงนั้นความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายการเมืองกับกองทัพไม่ราบรื่นเท่าไรนัก

ขณะที่ สมัคร สุนทรเวช และ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ นั่งควบเก้าอี้กลาโหม เพื่อสร้างบรรยากาศ ไม่ให้เกิดบรรยากาศการเป็นศัตรูกับบรรดาบิ๊กทหาร