"ชลน่าน" ชี้แจงแทน "เศรษฐา ทวีสิน" ยืนยันว่าคุณสมบัติเป็นนายกฯ ครบถ้วน เป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่มีลักษณะต้องห้าม ส่วนข้อกังวลเลี่ยงภาษีเป็นเพียงข้อกล่าวหา ไม่มีเรื่องใดเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย
วันที่ 22 ส.ค. 2566 ที่ประชุมรัฐสภาจะมีการพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี โดยนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา นัดประชุมในวันนี้ และเปิดโอกาสให้มีการอภิปรายของสมาชิกรัฐสภา ทั้ง สส. และ สว. ให้เวลานการอภิปรายเป็นเวลา 5 ชั่ว โมง โดยแบ่งเป็นเวลาของ สส. 3 ชั่วโมง และของ สว. 2 ชั่วโมง
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นเสนอชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 โดยระยุว่านายเศรษฐาเป็นผู้เหมาะสม ไม่มีคุณสมบัติต้องห้าม และเป็นผู้ที่พรรคเพื่อไทยได้เสนอรายชื่อผู้ที่สมควรได้เป็นนายกรัฐมนตรีของพรรค ตามมาตรา 88 โดยมีผู้รับรอง 287 เสียง ซึ่งถูกสมาชิกรัฐสภาหลายคนลุกขึ้นอภิปรายถึงคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม โดยเฉพาะในประเด็นที่ "ชูวิทย์" เปิดข้อมูลแสนสิริใช้นอมินีซื้อขายที่ดิน โยง "เศรษฐา"
ล่าสุดหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ชี้แจงในสภาแทนนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ รัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย 3 ประเด็น
1. คุณสมบัติต้องห้าม ความซื่อสัตย์สุจริต ตามมาตรฐานจริยธรรม
ยืนยัน พรรคเพื่อไทยไม่ได้ละเลย และถือเป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ ข้อกล่าวหาหลายเรื่อง ทั้งเลี่ยงภาษี ตั้งนอมินี สะพาน ตรวจสอบข้อกฎหมายทุกอย่าง ยืนยัน ไม่มีเรื่องใดเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ ไม่มีข้อบ่งชี้ว่า เศรษฐา ไม่ได้เป็นผู้ซื่อสัตย์ สุจริต ทั้งหมดเป็นการกล่าวอ้าง เชื่อมโยงกัน ถือว่า เศรษฐาเป็นผู้มีความบริสุทธิ์ ซื่อสัตย์สุจริตเป็รที่ประจักษ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
• ถ่ายทอดสด ประชุมสภา 22 ส.ค. 66 โหวตนายกรอบ 3 ช่องทีวีรัฐสภา TPchannel
• "วันชัย" โว สว.โหวต "เศรษฐา" เป็นนายกฯ เกิน 60 เสียงแน่ มั่นใจโหวตจบพรุ่งนี้
• มติวิป 3 ฝ่าย เคาะโหวตนายกฯ รอบ 3 ‘สส.-สว.’ อภิปรายฯ 5 ชม. ไม่ต้องแสดงวิสัยทัศน์
2. ไม่สามารถให้ความเห็นชอบบุคคล ซึ่งก็คือนายเศรษฐา เป็นนายกฯ โดยระบุเป็นเรื่องจุดยืนทางการเมืองในการจัดตั้งรัฐบาล
ยืนยัน พรรคเพื่อไทย เคารพเสียงพี่น้องประชาชนทุกเสียง ไทยขึ้นชื่อว่าปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ขณะนี้บ้านเมืองมีการแบ่งแยกเป็นฝั่งเสรีนิยม หรืออนุรักษ์นิยม ก็ล้วนยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
พรรคเพื่อไทย ยืนยันยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สำคัญที่สุดคือระบบรัฐสภา ทั้งหมดล้วนมาจากการเลือกของประชาชน แต่มีวิธีการที่แตกต่างกัน
ถ้าไม่มีรับธรรมนูญฉบับนี้ พรรคเพื่อไทยไม่มีวันจับมือกับพรรคก้าวไกล แต่สภาพบ้านเมืองแบบนี้ยิ่งทำให้เราจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ และเราก็เข้าใจผิดว่าการที่เรายิ่งจับมือกันก็กลายเป็นยิ่งจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้
พรรคเพื่อไทยเชื่อมั่นว่าการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อแก้วิกฤตเศรษฐกิจ การไม่ทำอะไรเลยยิ่งการให้เกิดความขัดแย้ง
3. ข้อห่วงใยเรื่องนโยบาย เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ข้อเท็จจริง นโยบายเป็นเพียงเรื่องการหาเสียง แต่เมื่อจัดตั้งรัฐบาล การแก้รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องจำเป็นและสำคัญ บนพื้นฐานความไม่ขัดแย้ง ผมย้ำว่าเป็นการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ผ่านการทำประชามติ ซึ่งต้องใช้เวลา เพื่อความปรองดอง ไม่แตกแยก ไม่แบ่งฟักแบ่งฝ่าย ทุกคนเสมอภาค ความเห็นต่างเป็นสีสันในระบอบประชาธิปไตย
“เราหวังว่าจะได้สิ่งที่ดีที่สุด แต่สิ่งที่ดีที่สุดที่ทุกคนหวัง ไม่เคยเกิดขึ้น”