svasdssvasds

เปิด 3 เหตุผล ทำไม ก้าวไกล จะไม่โหวตนายกฯ เพื่อไทย เพราะเป็นรัฐบาลผสมข้ามขั้ว

เปิด 3 เหตุผล ทำไม ก้าวไกล จะไม่โหวตนายกฯ เพื่อไทย เพราะเป็นรัฐบาลผสมข้ามขั้ว

เปิด 3 เหตุผล เพราะเหตุใด พรรคก้าวไกล จึงจะ "ไม่โหวต" นายกรัฐมนตรีให้ พรรคเพื่อไทย มาดูกันว่า 3 เหตุผลที่ก้าวไกล เปิดเผยออกมานั้น มีอะไรบ้าง ?

ประเทศไทย ยังไม่มี นายกฯ คนที่ 30  โดย ณ เวลานี้อยู่ในขั้นตอนการจัดตั้งรัฐบาล ที่เป็น พรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล หลังจากที่ ก้าวไกล พรรคที่ได้เสียงอันดับ 1 ได้มา 151 เสียง สส. ยอมเปิดทางให้ 

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ฝั่งพรรคก้าวไกล ออกมาแถลงการณ์ ยืนยันว่า จะไม่โหวตนายกฯ ให้กับ แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย เหตุผลเพราะมี 3 ประการหลัก SPRiNG ชวนย้อนดูเหตุผลของพรรคก้าวไกล


โดยนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ระบุว่า ที่ประชุม สส.พรรคก้าวไกล มีมติเอกฉันท์ ไม่โหวตให้กับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลผสมข้ามขั้ว เพราะพรรคก้าวไกลไม่ต้องการมีส่วนร่วมในการจัดตั้งรัฐบาลในลักษณะที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ด้วยเหตุผล 3 ข้อ คือ

1. ก้าวไกลเห็นว่า การจัดตั้งรัฐบาลที่กำลังเกิดขึ้น ขัดต่อเจตนารมณ์และเจตจำนงของประชาชนที่ได้แสดงผ่านการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2566
2. การที่จะให้ สส. ก้าวไกลโหวตให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลที่กำลังจัดตั้งอยู่ ไม่ใช่การปิดสวิตท์ สว. แต่เป็นการเดินตามความต้องการของ สว. ในการบิดเบือนผลการเลือกตั้ง ซึ่งชัดเจนแล้วว่า มี สว. จำนวนมากและพรรคขั้วรัฐบาลเดิมที่ต้องการปิดสวิตท์พรรคก้าวไกลที่ชนะการเลือกตั้ง
3.ก้าวไกลเห็นว่าการจัดตั้งรัฐบาลที่ "เกรงใจผู้มีอำนาจทุกฝ่าย ยกเว้นเกรงใจประชาชน" จะไม่สามารถผลักดันวาระที่ก้าวหน้าและทำเพื่อผลประโยชน์ได้อย่างแท้จริง

เปิด 3 เหตุผล ทำไม ก้าวไกล จะไม่โหวตนายกฯ เพื่อไทย เพราะเป็นรัฐบาลผสมข้ามขั้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พรรคก้าวไกลยืนยัน ว่า การไม่โหวตให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีผสมข้ามขั้วนั้น เราไม่ได้พิจารณาบนพื้นฐานของคุณสมบัติของตัวแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย แต่เป็นการตัดสินใจบนจุดยืนทางการเมือง  และคำสัญญาที่พรรคก้าวไกลได้ให้ไว้กับประชาชนคือ “มีเราไม่มีลุง มีลุงไม่มีเรา” ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง ซึ่งพรรคก้าวไกลไม่สามารถตระบัดสัตย์ต่อประชาชนได้

ทั้งนี้ สส.เขต ยังได้สะท้อนความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ ว่า ไม่เห็นด้วยกับการจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้วในลักษณะนี้ พร้อมกันนี้มองว่า ต้องดูสถานการณ์การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี และการจัดตั้งรัฐบาลในระหว่างนี้ว่าจะเป็นอย่างไร เพราะการโหวตอาจจะไม่ได้จบภายในครั้งเดียว แต่ประเด็นสำคัญในวันนี้คือพรรคก้าวไกลมีมติไม่โหวตให้กับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย

ส่วนจะสามารถกลับมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย ได้อีกหรือไม่นั้น นายชัยธวัช ย้ำว่า ความเห็นในตอนนี้เป็นเรื่องของการโหวตนายกรัฐมนตรี ตามจุดยืนของพรรคก้าวไกลที่จะต้องทำทุกอย่างให้สอดคล้องกับเจตจำนงของประชาชน ซึ่งการที่พรรคเพื่อไทยยังไม่มีความชัดเจนว่า จะมีพรรคการเมืองใดร่วมรัฐบาลด้วยยิ่งทำให้เกิดความคลุมเครือและสร้างความไม่เชื่อใจให้กับประชาชน

• ไม่มีการเสนอชื่อ พิธา แข่ง ในการโหวตนายกฯ 

ส่วนกรณีการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเรื่องญัตติการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีซ้ำนั้น นายชัยธวัช ตุลาธนมองว่า เป็นคนละประเด็นกัน ทั้งนี้พรรคก้าวไกลก็จะผลักดันให้สภาฯ ทบทวนมติ และยืนยันว่า จะไม่มีการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แข่งในการโหวตนายกฯ

ทั้งนี้ยังไม่ชัดเจนว่าทิศทางการโหวตของพรรคก้าวไกล จะโหวตไม่เห็นด้วย หรือ งดออกเสียง แต่ที่ชัดเจนคือจะไม่โหวตให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย และเป็นโจทย์ที่ทางพรรคเพื่อไทยจะต้องแก้ไขเอง ซึ่งสถานการณ์ในขณะนี้เป็นคนละเงื่อนไขกับช่วงที่พรรคก้าวไกลกับเพื่อไทยจับมือกันจัดตั้งรัฐบาลและสนับสนุนนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี โดยยืนยันว่าไม่ใช่การหักหลังพรรคเพื่อไทย

พร้อมย้ำว่า ไม่มีประเด็นการต่อรองใดๆ กับทางพรรคเพื่อไทย เพียงแต่ยึดมั่นในจุดยืนของพรรคตามเหตุผล 3 ข้อ และในอนาคตหากพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านและต้องมีการผลักดันวาระที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ก็เชื่อว่าเสียงส่วนใหญ่ในสภาฯ จะสนับสนุนพรรคก้าวไกล โดยไม่จำเป็นต้องมีการทำข้อตกลงกันก่อน


• ยืนยัน ไม่ได้คุยกับ อุ๊งอิ๊งอีกรอบ 

ส่วนกรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย มาร่วมพูดคุยกับหัวหน้าและแกนนำพรรคก้าวไกลเพื่อขอคะแนนเสียงโหวตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยก่อนหน้านี้ ก็ไม่ได้มีการต่อสายพูดคุยกันอีก เนื่องจากเพื่อไทยเคารพในจุดยืนของก้าวไกล รวมทั้งท่าทีในการโหวตนายกรัฐมนตรีที่เป็นเอกสิทธิ์ของพรรคก้าวไกล

แต่ย้ำว่าการพูดคุยกับ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร เป็นเรื่องปกติ ถ้าสถานการณ์การเมืองเปลี่ยนแปลงไปก็อาจจะมีการพูดคุยกันอีก หรือแม้ว่าสถานการณ์การเมืองจะไม่เปลี่ยนแต่ถ้าหากมีเรื่องใดที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ก็สามารถแสวงหาความร่วมมือกันได้อีก เพราะการพูดคุยเป็นเรื่องปกติตามระบบการทำงานในสภา

พร้อมย้ำว่าการที่พรรคก้าวไกลไม่โหวตให้กับนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่เรื่องของคุณสมบัติส่วนตัว แต่เป็นไปตามเจตจำนงและหลักการของการเลือกตั้ง  รวมทั้งไม่ได้มีความเชื่อมโยงกับกรณีที่ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับนายเศรษฐา ทวีสิน

ก้าวไกลยังไม่ได้มีการหารือเพื่อเตรียมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน เพราะต้องรอให้เสร็จสิ้น กระบวนการจัดตั้งรัฐบาลก่อน

ขณะที่ ล่าสุด ภูมิธรรม เวชยชัย  รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า  Phumtham Wechayachai ระบุ ‘เพื่อไทย’ ต้องยอมเสียต้นทุนทางการเมือง การเปลี่ยนแปลง เพื่อสิ่งใหม่ที่ดีขึ้น ย่อมต้องผ่านความเจ็บปวด เพราะในอดีตเคยเป็นฝ่ายถูกกระทำมาโดยตลอด


 

related