พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯก้าวไกล โพสต์คลิปวีดีโอผ่านโซเชียลมีเดียทุกช่องทาง สื่อสารถึง ส.ส.-ส.ว. ขอให้ช่วยโหวตตัวเองเป็นนายกฯ ในวันที่ 13 ก.ค. นี้ หวังให้โอกาสไทยเดินหน้าตามครรลองประชาธิปไตยปกติ ปลุกประชาชนภารกิจยังไม่สำเร็จ การเปลี่ยนแปลงเกิดไม่ได้
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล เผยแพร่คลิปวีดีโอ ความยาว 4.33 นาที ผ่าน Facebook และ Twitter สื่อสารไปยัง ส.ส. และ ส.ว. ขอให้โหวตนายกฯตามครรลองประชาธิปไตย และสื่อสารไปยังประชาชนว่าพร้อมเป็นนายกฯของทุกฝ่าย
โดยพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ระบุแคปชั่นว่า “จากพิธาถึงทุกคน ก่อนวันโหวตนายกรัฐมนตรี 13 กรกฎาคมนี้ ให้โอกาสประเทศไทยได้มีรัฐบาลเสียงข้างมากตามเจตจำนงของประชาชน เดินหน้าตามครรลองประชาธิปไตย คืนความปกติสู่การเมือง”
นายพิธา กล่าวในคลิปวีดีโอว่า 14 พ.ค. 2566 ซึ่งเป็นวันเลือกตั้ง 2566 เป็นวันที่เจตจำนงของประชาชน แสดงชัดเจนผ่านบัตรเลือกตั้ง เลือกพรรคก้าวไกลมาถึง 14,438,851 เสียง ส่งให้เรากลายเป็นพรรคการเมืองอันดับ 1 ในสภาฯ และมี ส.ส. 152 คน นี่คือเสียงที่ดังพร้อมกันทั้งประเทศ ว่าทุกคนต้องการประเทศไทยที่ไม่เหมือนเดิม
นาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กล่าวอีกว่า ตนเอง - พรรคก้าวไกลน้อมรับมติประชาชน เดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล รวบรวมพรรคการเมือง 8 พรรค หรือ 72% ของผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ในการเมืองปกติพวกเรารัฐบาลผสม ที่นำโดยพรรคก้าวไกล คงได้เข้าไปบริหารประเทศ แก้ไขปัญหาของประชาชนได้แล้ว แต่จนถึงวันนี้เกือบ 2 เดือนหลังการเลือกตั้ง การโหวตนายกฯเพิ่งมาถึง และเราต้องรอการตัดสินใจของ ส.ว. ว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นไปตามเจตจำนงของประชาชนหรือไม่
“วันนี้ชัดเจนประเทศไทยอยู่ในการเมืองไม่ปกติ อำนาจที่เป็นตัวแทนของประชาชนผ่านการเลือกตั้ง ถูกล้มล้างครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยการรัฐประหาร นิติสงคราม และการยุบพรรค ความไม่ปกตินี้เกิดจากรัฐธรรมนูญ 2560 ที่วันนี้ยังคงอยู่กับเราอย่างไม่อาจปฏิเสธได้” นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์กล่าว
จากพิธาถึงทุกคน ก่อนวันโหวตนายกรัฐมนตรี 13 กรกฎาคมนี้
— Pita Limjaroenrat (@Pita_MFP) July 11, 2023
ให้โอกาสประเทศไทยได้มีรัฐบาลเสียงข้างมากตามเจตจำนงของประชาชน
เดินหน้าตามครรลองประชาธิปไตย คืนความปกติสู่การเมือง pic.twitter.com/uiRblmzdqa
พิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวอีกว่า แต่นี่คือโอกาสของประเทศไทยที่เราจะคืนความปกติสู่การเมืองไทยอีกครั้ง ให้โอกาสประเทศไทยกลับมามีรัฐบาลที่ชอบธรรม เดินหน้าซ่อมแซมแก้ไขประเทศไทย ตามที่ประชาชนคาดหวัง ให้โอกาสประเทศไทยกลับสู่ครรลองของการเมืองรัฐสภา ที่ประชาชนเชื่อมั่น และฝากความหวังไว้ได้ ให้โอกาสประเทศไทย ได้เดินหน้าไปสู่ความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ค่าแรงเป็นธรรม สวัสดิการถ้วนหน้า เศรษฐกิจเติบโตก้าวหน้า มีนวัตกรรมตัวเอง สร้างสังคมที่เห็นคนเท่ากัน มีกฎหมายคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ไม่ใช่กดปราบลิดรอนสิทธิประชาชน
นายพิธา กล่าวด้วยว่า การโหวตเลือกนายกฯที่จะมีขึ้นในวันที่ 13 ก.ค. ไม่ใช่การเลือกพิธา ไม่ใช่การเลือกพรรคก้าวไกล แต่คือการเลือกเพื่อยืนยันว่าประเทศไทย ต้องเดินหน้าตามระบอบประชาธิปไตยแบบปกติ เช่นเดียวกับประเทศประชาธิปไตยทั่วโลก การเลือกเพื่อยืนยันว่า แม้เราอยู่รัฐธรรมนูญที่เอื้อต่อการเมืองที่ไม่ปกติ แต่สมาชิกรัฐสภาทุกคน สามารถใช้เสียงตัวเอง สานต่อเจตนารมณ์ที่ประชาชนแสดงออกผ่านการเลือกตั้ง ให้ลุล่วง จัดตั้งรัฐบาลที่เป็นตัวแทนเสียงข้างมากให้สำเร็จ
“ภารกิจนี้คือภารกิจร่วมกันของเราทุกคน ในฐานะสมาชิกรัฐสภา ผู้ถืออำนาจแทนประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ในโอกาสนี้ขอสื่อสารไปยัง ส.ส. และ ส.ว.ทุกท่าน ท่านอาจไม่ชอบแนวทางการเมืองพวกเรา ในระบอบการเมืองปกติ แต่พวกท่านตรวจสอบผมได้ โจมตีผมได้ โหวตผมออกจากตำแหน่งก็ยังทำได้ แต่การโหวตให้รัฐบาลเสียงข้างมาก คือการให้โอกาสประเทศไทย เดินหน้าในแบบที่ควรจะเป็น” นายพิธา กล่าว
หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวด้วยว่า ในโอกาสนี้ขอสื่อสารไปยังประชาชน เราผ่านวันเลือกตั้งมาแล้ว แต่ภารกิจยังไม่สำเร็จ การเปลี่ยนแปลงประเทศจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่มีรัฐบาลเสียงข้างมาก ที่จะนำพาประเทศไปสู่ข้างหน้า ตนพร้อมเป็นนายกฯของทุกคน ไม่ว่าท่านจะเลือกพรรคไหน มีความเห็นทางการเมืองอย่างไร ปรารถนาถึงสังคมแบบไหน ตนจะเป็นนายกฯที่บริหารประเทศ ที่โอบรับความฝันอันหลากหลายของทุกคนได้
“หากนี่คือสิ่งที่ท่านอยากเห็น ให้โอกาสประเทศไทยได้เดินไปข้างหน้า โดยการบริหารของรัฐบาลพรรคร่วม 8 พรรค ที่นำโดยนายกฯที่ชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” นายพิธา กล่าว
ทั้งนี้ วันที่ 13 ก.ค. 2566 จะมีการเปิดรัฐสภา โหวตเลือกนายกฯ คนที่ 30 ,สำหรับ การโหวตครั้งนี้ จะเป็นไปตามที่คาดหวังกันไว้หรือไม่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคจะถูกโหวตผ่านฉลุยหรือไม่ คงต้องมาลุ้นกัน , แต่อย่างที่ทราบๆกันดีว่า พิธา จะต้องเจอกับด่านสำคัญ นั่นคือการโหวต จาก ส.ว.
Scenario ที่ 1 การโหวตเลือกนายกฯ พิธา มีเสียง ส.ว.พอหนุน ว่าที่นายกฯพิธา เป็นนายกฯตัวจริงได้หรือไม่ หากวิเคราะห์กันตามตัวเลขแล้ว , พรรคร่วมรัฐบาล ทั้ง 8 พรรค มีอยู่ทั้งสิ้น 312 เสียง หักเสียงของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ ที่ไปดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร และ ส.ส. ของพรรคก้าวไกลที่ลาออกไป
ทำให้ ณ ขณะนี้ มีเสียงสนับสนุนนายพิธา คงเหลือ 310 เสียง ยังขาดอยู่ 66 เสียง ถึงจะได้เสียงกึ่งหนึ่ง คือ 376 เสียง ตามที่รัฐสภากำหนด => ถ้าหากเสียง ส.ว. ไม่พอ จะนำไปสู่ฉากทัศน์ที่ 2 หรือ Scenario ที่ 2
ฉากทัศน์ที่ 2 Scenario ที่ 2 การจัดตั้งรัฐบาลก้าวไกล สามารถ ดึงพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันมาร่วมหนุนได้หรือไม่ => น่าจะใช้วิธีโหวตหลายครั้ง => ถ้ายังได้เสียงไม่ครบ 376 อีก ก็จะนำไปสู่ฉากทัศน์ที่ 3
ฉากทัศน์ที่ 3 Scenario ที่ 3 ก้าวไกลต้องยอมเปลี่ยนให้เพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแทน