พิธา หารือ 8 พรรคร่วม ดีใจ กกต. เตรียมรับรอง ส.ส. คาดจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วขึ้น

พิธา เผย ผลหารือแกนนำ 8 พรรคร่วม ดีใจ หลัง กกต. เตรียมรับรอง ส.ส. เร็วขึ้น ชี้ ไทม์ไลน์ตั้งรัฐบาลขยับขึ้น 2-3 สัปดาห์ ต้องเร่งทำงานเพื่อเตรียมตัวให้พร้อม ขณะเดียวกันที่ประชุมตั้งเพิ่ม 2 คณะทำงาน โดยเฉพาะการดูแลงบประมาณ ปี 67 ประชุมถัดไป 20 มิ.ย. พรรคไทยสร้างไทยเป็นเจ้าภาพ

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค พร้อมแกนนำ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ร่วมกันแถลงภายหลังการประชุม 8 พรรคร่วมครั้งที่ 2 นานกว่า 2 ชั่วโมง ว่า วันนี้มีวาระการประชุมสำคัญสองเรื่องคือ เรื่องประเมินสถานการณ์การเมืองและไทม์ไลน์การจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงการอัพเดทความคืบหน้าคณะทำงานประสานงานที่ได้ประชุมกันเมื่อวาน

โดยผลของการประชุม ทั้ง 8 พรรคเห็นตรงกันว่า เป็นเรื่องน่ายินดีที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะเร่งรับรอง ส.ส.ให้เร็วที่สุด 95% หากเป็นไปตามที่ประธาน กกต. เคยให้สัมภาษณ์ไว้ ไทม์ไลน์ต่างๆทั้งการเปิดประชุมสภาและการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีอาจจะเร็วขึ้นมา 2-3 สัปดาห์ จากเดิมวันที่ 13 ก.ค. ซึ่งหัวหน้าพรรคแต่ละพรรคก็ต้องเตรียมการให้พร้อม
ในการทำงานและการจัดเตรียมนโยบายที่จะแถลงต่อสภา รวมไปถึงการเปลี่ยนผ่านของงบประมาณ เพราะช่วงสิงหาคม-กันยายน หากจัดตั้งรัฐบาลได้เร็ว ก็จะบริหารจัดการงบประมาณในการกระตุ้นเศรษฐกิจได้เร็วขึ้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

ส่วนการอัพเดทการทำงานของ 8 พรรคร่วมนั้น ในการประชุมนัดถัดไปคือวันที่ 20 มิถุนายน จะมีการประชุมที่พรรคไทยสร้างไทยทั้งนี้ได้มีการให้ตั้งคณะกรรมการประสานงานเปลี่ยนผ่าน ตั้งคณะทำงานเพิ่มขึ้นอีก2คณะคือ

1.คณะทำงานเกี่ยวกับการปฏิรูปประมง และการเยียวยาพี่น้องชาวประมง ซึ่งเป็นเรื่องที่อยู่ใน MOU อยู่แล้ว โดยหัวหน้าพรรคเห็นตรงกันว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนและยังไม่ได้มีอยู่ใน 12 คณะเดิม

2.คณะทำงานดูแลการเปลี่ยนผ่านของงบประมาณเพราะหากมีการจัดตั้งรัฐบาลได้ก็จะมีการประชุมเรื่องงบประมาณทันที โดยเฉพาะงบผูกพันในปี 2566 และงบประมาณปี 2567 ซึ่งก็จะสามารถทำให้นำงบประมาณ มาช่วยแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนให้เกิดประโยชน์ได้

นักข่าวถามว่า หากมีการขยับไทม์ไลน์ให้เร็วขึ้นนั้นตำแหน่งประธานสภาจะต้องมีความชัดเจนเร็วขึ้นหรือไม่ นายพิธา ตอบว่า ก็ยังพูดคุยกันอยู่ แม้จะไม่ใช่ 13 กรกฎาคม และเลื่อนเข้ามาอีก 2-3 สัปดาห์ ดังนั้นกระบวนการทำงาน ทั้งบุคลากรและนโยบายก็จะต้องเร่งรัดการทำงานให้มากขึ้นด้วย