คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มอง "ถือหุ้นสื่อไอทีวี" เข้าข่าย รู้อยู่แล้วไม่มีสิทธิสมัคร ส.ส. แต่ยังลงสมัครเข้าข่ายผิด ม.151 ฝั่ง กกต.สั่งตั้งคณะกรรมการไต่สวนแล้ว
มีรายงานว่า จากที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ได้มีการพิจารณากรณีสำนักงาน กกต.รายงานผลการดำเนินการเกี่ยวกับคำร้องขอให้ตรวจสอบว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อและแคนดิเนตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล มีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) และมาตรา 42 (3) พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. เนื่องจาก ถือหุ้นสื่อ หรือถือหุ้นไอทีวีหรือไม่
โดยสำนักงาน กกต. เสนอว่า เรื่องดังกล่าวเกี่ยวข้องกับคุณสมบัติ ส.ส. เนื่องจากนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 10 พ.ค. ซึ่งพ้นระยะเวลาการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส. ตามมาตรา 51 ประกอบมาตรา 60 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ที่กำหนดว่าต้องยื่นภายใน 7 วัน นับแต่ กกต.ประกาศรายชื่อเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
• “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” แบ่งหุ้น ITV ให้ทายาทอื่นแล้ว มั่นใจไร้ลักษณะต้องห้าม
• พิธา ย้ำ ไม่ได้เช็กบิล สะสาง 8 ปีประยุทธ์ แต่ต้องการให้เกิดวัฒนธรรมรับผิดชอบ
• ปมดราม่าสลับขั้ว ภูมิธรรม แจงเป็นความเข้าใจผิด ย้ำจุดยืนหนุน พิธา เป็นนายกฯ
จึงต้องเสนอกกต.ให้มีคำสั่งเป็นความปรากฏต่อ กกต. ว่านายพิธามีลักษณะต้องห้ามของการลงสมัครรับเลือกตั้ง และการยินยอมให้พรรคส่งชื่อตนเองเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกลลำดับที่ 1 รวมถึงยอมให้เสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เข้าข่ายรู้อยู่แล้วว่าตนเองไม่มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่ยังคงลงสมัครรับเลือกตั้งตามมาตรา 151 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. หรือไม่
โดยให้พนักงานสืบสวนไต่สวนของสำนักงาน กกต.เป็นผู้ดำเนินการสืบสวนไต่สวนต่อตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวนและการวินิจฉัยชี้ขาด 2561 ซึ่งก็จะนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการไต่สวน ที่ประชุม กกต ยังเห็นว่าที่สำนักงานกกต. เสนอมีรายละเอียดไม่ครบถ้วน เช่น คำร้องมีการร้องในประเด็นใดบ้าง หลักฐานเป็นอย่างไร ข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างไร จึงให้ไปดำเนินการมาให้ครบถ้วนและเสนอที่ประชุม กกต.พิจารณาใหม่โดยเร็ว