หลังจาก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา "ลุงตู่" ลั่นไม่กลัวถูกเช็กบิลย้อนหลัง เพราะผลการเลือกตั้ง 2566 ทำให้ขั้วการเมืองเปลี่ยน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สวนกลับทันที ไม่ได้เช็กบิล แต่ต้องการให้เกิดวัฒนธรรมรับผิดรับชอบ
จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงกรณีกังวลเรื่องการถูกเช็กบิลทางการเมืองหรือไม่ หลังจากเปลี่ยนขั้วรัฐบาลว่า โดย ลุงตู่ ยืนยันว่า “ไม่กลัว”
ด้าน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล ตอบข้อซักถามกรณีถ้าได้เป็นรัฐบาลจะดำเนินการอะไรอย่างไรว่า เราสามารถอนุมานได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ คงยินดีเข้าสู่การตรวจสอบการดำเนินการตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องส่วนตัวที่ต้องการเช็กบิล แต่ต้องการให้เกิดวัฒนธรรมรับผิดรับชอบในเรื่องต่างๆ ทั้งในเรื่องการรัฐประหาร ให้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 พ.ร.บ.เหมือง เรื่องการทวงคืนผืนป่า การละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยรัฐบาลจะดำเนินการตามระบบไม่ใช่การแก้แค้นแต่อย่างใด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการตอบคำถามของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าไม่กลัวถูกเช็กบิล ว่าเป็นเรื่องที่อนุมานได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ คงจะยินดีเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบว่าในช่วง 8-9 ปี มีการประพฤติผิดมิชอบอะไรบ้างเกี่ยวกับการใช้อำนาจหน้าที่ ตั้งแต่รัฐบาลชุดแรก (คสช.) ถึงรัฐบาลชุดที่สอง
แต่ก็ต้องเรียนว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องส่วนตัวที่ต้องการเช็กบิล เพราะคำว่าเช็กบิลคงไม่ถูกต้องสำหรับรัฐบาลที่กำลังจะตั้งขึ้นชุดนี้ แต่ต้องการให้เกิดวัฒนธรรมรับผิดรับชอบ
“ไม่ว่าเข้าสู่อำนาจด้วยการรัฐประหาร การใช้มาตรา 44 ในหลาย ๆ เรื่องที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในหลายกฎหมาย ทั้งทวงคืนผืนป่า เรื่องการทำ พ.ร.บ.เหมือง 2560 และมีอีกหลาย ๆ เรื่องที่อาจกระทบสิทธิมนุษยชน และกระทบประชาชน ถามว่ารัฐบาลนี้ต้องการให้การรับผิดชอบในการทำรัฐประหารหรือไม่…แน่นอน แต่เรื่องเป็นเรื่องระบบ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว และไม่ใช่เรื่องการแก้แค้นแต่อย่างใด” นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์เปิดเผย