ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th
ภายหลังเกิดโศกนาฏกรรมเขย่าขวัญชาวโลกเมื่อเกิดแผ่นดินไหวซ้ำขนาด 7.1 อีกระลอกในภาคกลางของเม็กซิโก ส่งผลทำให้บ้านเรือนพังถล่มเสียหายจำนวนมาก เเละมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวกว่า 225ราย โดยเมืองที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด คือ กรุงเม็กซิโก ซิตี ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 93 ราย รองลงมาได้แก่ รัฐโมเรโลส 69 ราย รัฐปูเอบลา 43 ราย รัฐเม็กซิโก 13 ราย รัฐเกร์เรโร 4 ราย และรัฐวาฮากาอีก 1 ราย โดยขณะนี้ทางการเม็กซิโกได้เร่งระดมกำลังทหาร นาวิกโยธิน ตำรวจ และอาสาสมัครออกค้นหาผู้รอดชีวิตที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง
ล่าสุดสำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานเพิ่มเติมในรอบ 24 ชั่วโมง ว่ายังคงเกิดเหตุแผ่นดินไหวต่อเนื่องในอีกหลายจุด รวมถึงประเทศไทย โดยเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2560 เวลา 18.54 น. เกิดแผ่นดินไหวบนบก ที่ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน จ.แม่ฮ่องสอน ขนาด 3.3 ความลึก 5 กิโลเมตร เบื้องต้นไม่มีรายงานความเสียหาย
นอกจากนี้ยังเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.1 แมกนิจูด ห่างจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Fukushima 200 ไมล์ และ ขนาด 5.3 จุดศูนย์กลาง ห่างจากเมืองสุราบายา เมืองเอกของชวาตะวันออก125กม. ลึกลงไปใต้ทะเล 588 กม. ขณะที่ล่าสุดมีรายงานเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 6.4 ในทะเลนอกชายฝั่ง วานูอาตู ประเทศหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกอีกด้วย
ขณะเว็บไซต์ซีเอ็นเอ็นลงบทความของจอห์น วิเดล ผู้อำนวยการศูนย์แผ่นดินไหว มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนียว่า แผ่นดินไหวใหญ่ทุกครั้งเกิดจากการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลก แผ่นดินไหวเม็กซิโกช่วงหลังเที่ยงวันอังคารตามเวลาท้องถิ่นเกิดจากแผ่นโคโคสที่ซ้อนอยู่ใต้แผ่นอเมริกาเหนือโก่งตัวแล้วเกิดแรงเบียด มากกว่าเกิดจากสองแผ่นนี้เลื่อนตัวเข้าหากัน แม้ว่าปกติแล้วจะเลื่อนตัวเข้าหากันปีละ 3 นิ้วก็ตาม พลังงานที่เกิดจากการเคลื่อนตัวดังกล่าวเกิดขึ้นเพียง 20 วินาที แต่ส่งคลื่นแรงสั่นสะเทือนนาน 1-2 นาทีตามพื้นที่เทือกเขาและหุบเขา