เกิดอะไรขึ้น! หุ้นโรงไฟฟ้าร่วงระนาว หลังเลือกตั้ง66

หลังเลือกตั้งใครๆ ก็คาดหวังว่าทิศทางธุรกิจ ปากท้องผู้คนจะดีขึ้นตามลำดับ และมีความคาดหวังกับรัฐบาลใหม่ แต่… ตลาดทุนไทยวันนี้ (15 พ.ค.66) ไม่เด้งรับการเมืองหลังเลือกเสียเลย โดยตลาดหุ้นไทยปิดตลาดหุ้นไทย” วันนี้ ผันผวนในทิศทางปรับตัวลดลงเกือบทั้งวัน ซึ่งดัชนีทำต่ำสุดอยู่ที่ 1,536.82 จุด ก่อนมาปิดตลาดที่ 1,541.38 จุด ลดลง 19.97 จุด หรือ 1.28% มูลค่าซื้อขาย 68,380.32 ล้านบาท

หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถือหุ้น ITV ปมร้อน ผิดจริงหรือไม่ ซ้ำรอยธนาธร อีกครั้ง ?

• กกต. ขอใช้เวลา วินิจฉัยคุณสมบัติ พิธา ถือหุ้นสื่อ ต้องให้ความเป็นธรรม

• เลือกตั้ง 2566 แฉซ้ำ! "พิธา" ถือหุ้น ITV มีสิทธิรับมรดก 1 ใน 3 ไม่เคยแจ้งสละหุ้น

 

ส่องหุ้น 5  ซื้อขายมากสุดวันนี้

1. GULF  มูลค่า 3,641.33  ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 48.00 บาท ลดลง 4.50 บาท หรือ 8.57%

2.CPALL มูลค่า 2,951.66 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 64.75 บาท ลดลง 1.75 บาท หรือ 2.63%

3. ADVANC มูลค่า 2,879.04 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 211.00 บาท ลดลง 10.00 หรือ 4.52%

4.KBANK มูลค่า 2,814.35 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 137.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 1.11%

5. AOT มูลค่า 2,755.26 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 73.25 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลงจากราคาปิดก่อนหน้า

ฟังบทวิเคราะห์จากโบรก

โดยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า ไม่มั่นใจในทิศทางของตลาดหุ้นหลังเลือกตั้ง เพราะวันนี้นักลงทุนเทขายหุ้นออกมาเยอะมาก รวมทั้งแรงซื้อจากต่างชาติก็ยังน้อย ทั้งหมดเป็นเพราะบรรดานักลงทุนยังไม่มั่นใจสถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งวันพรุ่งนี้ (16 พ.ค. 66) ดัชนีฯจะยังคงลบอยู่และยังไม่มีทีท่าจะรีบาวด์ จนกว่าสถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาลจะชัดเจนมากขึ้น ประเมินแนวรับวันพรุ่งนี้อยู่ที่ 1,520 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ 1,570 จุด

อย่างไรก็ตามแนะนำให้ชะลอการลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งไปก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หุ้นกลุ่มพลังงาน และไปลงทุนในหุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการเลือกตั้ง เช่นการบริโภคภายในประเทศ เพราะไม่ว่าอย่างไร แต่ละพรรคการเมืองก็ต้องกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศอยู่แล้ว

ทำไมหุ้นโรงไฟฟ้าถึงร่วงระนาด หลังเลือกตั้ง

แต่…ที่น่าจับตาคือหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ที่ร่วงระนาวในช่วงปิดตลาดเช้าที่ผ่านมา โดยนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าออกมาเกือบทั้งหมดนำโดยหุ้นใหญ่อย่าง กัลฟ์ ที่ลดลงมา 3.75 บาท, บีกริม ลดลง 2.75 บาท, อีเอ ลดลง 0.75 บาท, ซีเค เพาเวอร์ ลดลง 0.02 บาท, กันกุล ลดลง 0.18 บาท  เป็นต้น

จากนั้นมาถึงช่วงปิดตลาดเย็นหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า หลายตัวก็ยังคงร่วงอย่างต่อเนื่อง อย่างเช่น

-GULF ของบริษัทกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ที่ราคาอยู่ที่ 48.00 ลดลง4.50 บาท หรือ-8.57%

- BGRIM ของบริษัทบี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ราคาอยู่ที่ 37.00 บาท ลดลง 2.50  หรือ -6.33%

- GUNKUL ของบริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) ราคาอยู่ที่ 3.42 บาท ลดลง 0.40  หรือ-10.47%

- GPSC ของบริษัทโกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ราคาอยู่ที่ 59.00 บาท ลดลง 3.75  หรือ-5.98%

- EGCO ของบริษัทผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) ราคาอยู่ที่ 146.00 บาท ลดลง 6.00 บาท หรือ-3.95%

ด้านนักวิเคราะห์ คาดว่าการที่หุ้นโรงไฟฟ้าร่วงลงมาจะรับ Sentiment ลบจากนโยบายของพรรคการเมืองที่ได้รับคะแนนเสียงข้างมาก ซึ่งมีนโยบายตอนหาสียงในการลดค่าไฟฟ้า รวมถึงนโยบายพรรคที่คาดว่าจะชนะการเลือกตั้งที่ต้องการหยุดทุนใหญ่ในกลุ่มพลังงาน เพื่อให้หยุดให้สัมปทานโรงไฟฟ้าใหม่