เปิดประวัติ "เอ๋ ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม" นักธุรกิจและนักการเมืองชาวไทย อดีตสามีของ ตู่ นันทิดา ที่หลงไหลในความเร็ว ล่าสุด เอ๋ ชนม์สวัสดิ์ ได้เสียชีวิตแล้ว หลังเกิดอาการฮีทสโตรก ขณะซ้อมแข่งรถยนต์ ที่สนามช้าง จ.บุรีรัมย์
ประวัติ "เอ๋ ชนม์สวัสดิ์"
ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม เป็นนักธุรกิจและนักการเมืองชาวไทย จบปริญญาตรีจากคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เคยได้รับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ เป็นอดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ในชุดของพลตำรวจเอก ประชา พรหมนอก และเป็นบุตรชายของ วัฒนา อัศวเหม อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง
ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม เกิดเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2511 เป็นบุตรของ วัฒนา อัศวเหม กับ จันทร์แรม อัศวเหม มีพี่ชาย 2 คน พิบูลย์ อัศวเหม และ พูลผล อัศวเหม
ชนม์สวัสดิ์ สมรสครั้งแรกกับ นันทิดา แก้วบัวสาย นักร้องชาวไทย แต่เขาก็ยังมีข่าวความสัมพันธ์กับนักแสดงหญิงหลายคน อาทิ ใหม่ เจริญปุระ เมทินี กิ่งโพยม ชลดา เมฆราตรี ยศวดี หัสดีวิจิตร และต่อมาเมื่อหย่าขาดจากนันทิดาแล้ว ก็ได้สมรสอีกครั้งกับ เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ แต่ก็ยังปรากฏภาพความสัมพันธ์ในครอบครัวของชนม์สวัสดิ์ นันทิดา และบุตรสาว
รวมทั้งในปี 2563 เขายังสนับสนุนให้ นันทิดา แก้วบัวสาย ลงสมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการอีกด้วย ในปี 2564 นายต่อศักดิ์ อัศวเหม ลูกพี่ลูกน้อง นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทย ชุดที่ 25
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ป.ป.ช. สั่งฟัน "เอ๋ ชนม์สวัสดิ์" ปมทุจริตเงินทอนวัดสมุทรปราการกว่า 100 ล้าน
อาการล่าสุด "เอ๋ ชนม์สวัสดิ์" วูบคาดฮีทสโตรก รอแพทย์หัวใจบินจากกรุงเทพ
การทำงาน
ชนม์สวัสดิ์ เป็นนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ด้านธุรกิจการเกษตร และด้านน้ำมันเชื้อเพลิง เคยดำรงตำแหน่งประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ และเขาเคยลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ต่อมาถูกสั่งปลดตามคำสั่งหัวหน้า คสช. เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558
ชนม์สวัสดิ์ เคยเป็นกรรมการบริหารพรรคมหาชน เป็นกรรมการบริหารพรรคเพื่อแผ่นดิน ลงสมัครรับเลือกตั้งในปี 2550 แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง ต่อมาได้เป็นรองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ในปี 2551 และในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2562 เขาให้การสนับสนุนผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ
ชนม์สวัสดิ์ เคยถูกจำคุกในคดีทุจริตการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลนครสมุทรปราการ ปี 2542 ซึ่งศาลฎีกาตัดสินเมื่อ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2558 ต่อมาได้รับการพระราชทานอภัยโทษตามมาตรา 8 (3) ของพระราชทานอภัยโทษพระราชกฤษฎีพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งได้ลดวันต้องโทษ 1 ใน 4 ของโทษที่เหลือ เมื่อ 7 กันยายน พ.ศ. 2559