svasdssvasds

วราวุธ โดนถามโหด ทำไม ปชช. ต้องเลือก ชาติไทยพัฒนา พร้อมชูแก้สิ่งแวดล้อมก่อน

วราวุธ โดนถามโหด ทำไม ปชช. ต้องเลือก ชาติไทยพัฒนา พร้อมชูแก้สิ่งแวดล้อมก่อน

วราวุธ ย้ำนโยบาย แก้ไขสิ่งแวดล้อมก่อน เน้น ไม่ให้ตกเป็นภาระลูกหลาน หลังโดนถาม ทำไมประชาชนต้องเลือก พรรคชาติไทยพัฒนา ในรายการเนชั่นสุดสัปดาห์

นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ระบุผ่านรายการ เนชั่นสุดสัปดาห์ Exclusive โดย 3 บก. นายสมชาย มีเสน , นายวีรศักดิ์ พงษ์อักษร และ นายบากบั่น บุญเลิศ ทาง NationTV ช่อง 22 ว่า ความยั่งยืนเป็นนโยบายสำคัญของพรรคชาติไทยพัฒนา จากที่ได้ทำงานในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เกือบ 4 ปี ได้เห็นปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น แล้วเราต้องการทำให้ประเทศไทยในอีกไม่กี่ปีจากนี้ไป จะต้องสู้กับต่างประเทศได้

ปล่อยเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นภาระลูกหลานไม่ได้

"เพราะเรากำลังเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบเรื่องสิ่งแวดล้อม ผมคิดถึงความยั่งยืน วันนี้เราต้องเร่งคิดเร่งแก้ไขปัญหาเสียก่อน ถ้าจะโยนให้เป็นภาระของลูกหลาน ผมไม่เห็นด้วย แนวทางการทำนโยบายของพรรค อย่างการเปิดตัว คาร์บอน เครดิต เซ็นเตอร์ เป็นการวางแนวทางแก้ปัญหาตั้งแต่ระดับรากหญ้า จนถึงระดับสากล ไม่ใช่อะไรที่เพ้อฝัน" นายวราวุธ กล่าว

นายวราวุธ กล่าวต่ออีกว่า "เรื่องสิ่งแวดล้อมกำลังเป็นเรื่องที่เป็นความสนใจระดับโลกอยู่ เกษตรกร เช่น สุพรรณบุรี อยุธยา ก็เริ่มต้นทำแล้ว ในการขายคาร์บอนเครดิต ยอมรับว่านโยบายของชาติไทยพัฒนา อาจจะไม่หวือหวาแบบพรรคการเมืองอื่น ๆ แต่จะอยู่ได้ในระยะยาว เพราเป็นแนวคิดที่จะแก้ไขปัญหา ทั้งในขณะนี้และในอนาคต ไปพร้อม ๆ กัน"

อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง

ถึงช่วงเลือกตั้ง ผู้สมัครไปสัญญานั่นนี่ แล้วแก้แค่ปัญหาระยะสั้น "วราวุธ" รับไม่ได้

"พรรคชาติไทยพัฒนา จะไม่เพียงแก้ไขปัญหาในขณะนี้ แล้วทิ้งปัญหาในอนาคต จะได้เป็นรัฐบาลหรือไม่ แล้วค่อยไปแก้ปัญหาเอาข้างหน้า ผมจะไม่เอาแบบนั้น"

นายวราวุธ ย้ำว่า ตนเองเบื่อกับการที่เมื่อถึงเวลา(ช่วงเลือกตั้ง)ก็ไปสัญญาแบบนั้นแบบนี้ แล้วสร้างปัญหาให้กับประชาชนในอนาคต ตนต้องการแก้ปัญหา เช่น เปลี่ยนวิธีการทำนา ในแนวคิดการแก้ปัญหาเรื่องคาร์บอน ถ้าเราไม่รีบเปลี่ยนตั้งแต่ตอนนี้ อีกสิบปีเราจะส่งออกไม่ได้ เพราะในอนาคตจะมีการตั้งกำแพงภาษีและเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น แม้การจะเปลี่ยนความคิดไม่ใช่เรื่องง่าย

ขอเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก เป็นเสียงข้างน้อยแล้วบริหารลำบาก

ส่วนเรื่องของท่าทีการร่วมจัดตั้งรัฐบาลในอนาคตนั้น นายวราวุธ กล่าวว่า ต้องดูเสียงข้างมาก เพราะว่า เวลาการบริหารงานแผ่นดิน ส.ว. ไม่ได้เข้ามาบริหารด้วย เพราะถ้าเป็นเสียงข้างน้อย มันจะไม่เหมือนกับสมัยรัฐบาล ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช แต่ก็อยู่ไม่รอด ด้วยกฎหมายสมัยนั้น กับกฎหมายสมัยนี้ก็ไม่เหมือนกัน แค่เสนองบประมาณแผ่นดินวาระแรก ถ้าท่านเป็นเสียงข้างน้อย แล้วไม่ผ่านความเห็นชอบ ก็ต้องเลือกตั้งกันอีก

นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา

นายวราวุธ คาดการณ์ว่า "วันนี้กว่าจะตั้งรัฐบาลได้ก็ต้องเดือนกรกฎาคม - สิงหาคม เข้ามาก็ต้องรีบพิจารณางบประมาณ ปี 2567 แล้วถ้าเป็นเสียงข้างน้อย มันก็ล่มตลอด พอล่มเสร็จ ก็ต้องเลือกตั้งใหม่ งบประมาณของประเทศมันก็จะล่าช้าไปเรื่อย ๆ ประเทศก็เสียหายไปเรื่อย ๆ มันต้องคิดถึงบริบทว่า จะบริหารประเทศกันอย่างไร"

ไม่ปฎิเสธร่วมรัฐบาลเพื่อไทย ย้ำขอดูจำนวน ส.ส. ก่อน

เมื่อถามถึงว่า พรรคชาติไทยพัฒนา พร้อมที่จะจับมือกับพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาล นายวราวุธ บอกว่า  ถึงเวลาแล้วที่จะต้องมานั่งดูกันว่า เราจะได้กี่เสียง เราเกิดเราได้เยอะเราจะเลือกเขา แต่ถ้าเราได้น้อย เขาจะเลือกเราหรือเปล่า

นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ในรายการ เนชั่นสุดสัปดาห์ Exclusive โดย 3 บก. นายสมชาย มีเสน , นายวีรศักดิ์ พงษ์อักษร และ นายบากบั่น บุญเลิศ ทาง NationTV ช่อง 22

แก้รัฐธรรมนูญต้องตั้ง สสร. ไม่งั้น ส.ส. เหมือนถูกมัดแขน-ขา

ในเรื่องของรัฐธรรมนูญ ในฐานะที่พรรคชาติไทย(ชื่อก่อนถูกยุบและมาตั้งใหม่เป็น พรรคชาติไทยพัฒนา) เคยมีบทบาทในการได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญปี 2540 แล้วคิดว่าจะจัดการอย่างไรกับรัฐธรรมนูญ ที่คิดว่ายังไม่เป็นประชาธิปไตย นโยบายที่ออกมาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายวราวุธ บอกในรายการว่า เป็นนโยบายแรกในสิบนโยบายของพรรค เพราะเรายังเชื่อว่า ปี 2538 ปีที่นายบรรหาร ศิลปะอาชา แก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 211 จนเป็นที่มาของรัฐธรรมนูญปี 2540 เรายังเชื่อว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มาจากเสียงของประชาชนจริงๆ เพราะสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) มาจากคนที่หลากหลาย ทุกสถานะเข้ามารวมกัน แต่ฉบับถัด ๆ มา มันมีความไม่สมบูรณ์มากขึ้นเรื่อย ๆ 

จนแม้กระทั่งรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน สภาผู้แทนราษฎร เหมือนถูกมัดมือมัดขา ทำอะไรให้พี่น้องประชาชนไม่ได้เลย เข้ามาเกี่ยวข้องในการทำงานที่เกี่ยวกับงบประมาณแทบจะไม่ได้เลย พอทำแบบนี้แล้ว ถามว่า คุณเป็น ส.ส. แล้ว จะเป็นไปเพื่ออะไร 

แม้ตามกฎหมาย ส.ส.จะมีหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ แต่ความเป็นจริง บริบทของประเทศไทยมันไม่ใช่ ส.ส.เป็นคนที่น้ำไม่ไหล ไฟไม่ติด ทำอะไรไม่ได้คนวิ่งมาหาหมด แล้วถ้า ส.ส.โดนมัดมือมัดขา ไม่สามารถไปขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานราชการอะไรต่าง ๆ ได้ จะมาดูแลความเป็นอยู่ประชาชนได้อย่างไร นี่คือหัวใจสำคัญ มันมีข้อดีและข้อด้อย 

แต่คงต้องมาชั่งน้ำหนักกันว่า สิ่งที่ทำให้ ส.ส. ไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ มันก็น่าเป็นห่วงมากกว่า เป็นที่มาว่าเราก็อยากจะให้มีการเปลี่ยนแปลง ไปแก้รัฐธรรมนูญอีกครั้งหนึ่ง ควรจะร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แล้วก็ก่อนจะร่างใหม่ ควรจะตั้งกลไกในการสรรหา สสร. และไม่ใช่สักแต่ว่าให้มีแต่จะต้องมีองค์ประกอบ และรายละเอียด ให้ครอบคลุมคนทุกกลุ่มทุกเพศ ทุกวัย แล้วก็บริบทสังคมไทยสมัยนี้ มันต่างกับเมื่อปี 2538 ต้องเป็นการยกร่างฯที่มาจากประชาชนทุกคนจริงๆ 

 

related